Supplier Info

v.0.40(อัพเดทวันที่ : 2023-10-30 08:49:20)

บททั่วไป

เว้นแต่ จะมีข้อกำหนดไว้เป็นการเฉพาะสำหรับการซื้อขาย บริการ และจ้างทำของ หรือทำนิติกรรมสัญญาในแต่ละประเภท ให้นำเงื่อนไขข้อตกลงทั่วไปนี้บังคับใช้กับการทำธุรกรรมระหว่างบริษัทกับซัพพลายเออร์ หากเงื่อนไขในบททั่วไปขัดหรือแย้งกับข้อกำหนดเฉพาะ ให้ข้อกำหนดเฉพาะในเรื่องนั้นๆ มีผลใช้บังคับ

  1. คำนิยาม

“กลุ่มบริษัทอินโนเวชั่น” ในที่นี้เรียกว่า “บริษัท” ซึ่งประกอบไปด้วยบริษัทดังต่อไปนี้ และจะหมายความรวมถึงบริษัทอื่นใดใน “กลุ่มบริษัทอินโนเวชั่น” ซึ่งได้จัดตั้งขึ้นในอนาคตด้วย

บริษัท อินโนเวชั่น กรุ๊ป (ประเทศไทย) จำกัด; บริษัท เคมี อินโนเวชั่น จำกัด
บริษัท ครีเอทีฟ อินโนเวชั่น จำกัด  บริษัท พี ไอ อินดัสทรี จำกัด
บริษัท ครีเอทีฟ โพลิเมอร์ส จำกัด  บริษัท พัฒนาธุรกิจสากล จำกัด
บริษัท ไทย-นิฮอน ซีลส์ จำกัด  บริษัท อินโนเวชั่น โพลีมิกซ์ จำกัด
บริษัท คาวามาตะ อินโนเวชั่น (ประเทศไทย) จำกัด  บริษัท เคจีไอ เทคโนโลยี จำกัด
บริษัท สแกนท๊อป อินโนเวชั่น (ประเทศไทย) จำกัด  บริษัท อินโนเวชั่น แคปปิตอล (1989) จำกัด
บริษัท อินโนเวชั่น พร็อพพริเอท จำกัด     บริษัท อินโนเวชั่น โฮลดิ้ง จำกัด

“ซัพพลายเออร์” หมายถึง บุคคล หรือนิติบุคคลที่ขาย หรือเสนอขาย หรือรับจ้าง หรือให้บริการ หรือผู้ให้เช่า หรือผู้ให้เช่าซื้อ หรือบุคคลใดๆ ที่ทำสัญญากับการค้า หรือให้บริการกับ “กลุ่มบริษัทอินโนเวชั่น” ไม่ว่าจะในฐานะผู้ผลิต ผู้จำหน่าย ผู้รับเหมา ตัวแทนจำหน่าย ที่ปรึกษา เป็นต้น

“ใบสั่งซื้อ/สั่งทำ” หมายถึง ใบสั่งซื้อ ใบสั่งทำ ใบรับบริการ รวมทั้งเอกสารอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการตกลงซื้อขาย/ว่าจ้าง โดยให้เป็นส่วนหนึ่งของสัญญาซื้อขาย สัญญาจ้างทำของ และ/หรือสัญญาประเภทอื่นตามที่คู่สัญญาตกลงกัน เว้นแต่เอกสารฉบับนี้จะกำหนดไว้เป็นอย่างอื่น

  1. ซัพพลายเออร์รับรองว่าสินค้าที่จะส่งมอบมีคุณภาพและคุณสมบัติตรงตามที่กำหนดไว้ในใบสั่งซื้อ/ใบสั่งทำ, สัญญาจ้าง, สัญญาซื้อขาย, ใบเสนอราคา, แผ่นพับใบปลิวเอกสารแนะนำสินค้า, คำโฆษณา, คำมั่นที่ให้ไว้ในทุกรูปแบบ หรือถูกต้องตามรูปแบบและรายละเอียดแนบท้ายใบสั่งซื้อ/ใบสั่งทำ หรือแนบท้ายใบเสนอราคา (ถ้ามี) ทุกประการ และเป็นของใหม่ซึ่งยังไม่เคยถูกใช้งานมาก่อนยกเว้นคำสั่งซื้อได้ระบุไว้เป็นลายลักษณ์อักษรว่าต้องการซื้อสินค้าที่ผ่านการใช้งานแล้ว
  2. ถ้าปรากฏว่าสินค้าที่ซัพพลายเออร์ส่งมอบไม่ตรงตามใบสั่งซื้อ/ใบสั่งทำ และใบเสนอราคา หรือชำรุดบกพร่อง บริษัททรงไว้ซึ่งสิทธิที่จะไม่รับสินค้านั้น ในกรณีเช่นว่านี้ซัพพลายเออร์ต้องรีบนำสินค้าดังกล่าวกลับคืนโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ และต้องนำสินค้าใหม่มาส่งมอบให้แก่บริษัทภายใน 3 วัน หรือตามที่ได้ตกลงเป็นรายกรณีไป ซัพพลายเออร์ต้องทำการแก้ไขสินค้าให้ถูกต้องตามใบสั่งซื้อ/ใบสั่งทำและใบเสนอราคา โดยบริษัทไม่ต้องใช้ค่าเสียหายหรือค่าใช้จ่ายให้แก่ซัพพลายเออร์แต่ประการใด และระยะเวลาที่เสียไปเพราะเหตุดังกล่าว ซัพพลายเออร์จะนำมาเป็นเหตุขอขยายระยะเวลาการส่งมอบมิได้ สำหรับการวินิจฉัยว่าสินค้าที่ส่งมอบถูกต้องครบถ้วนสมบูรณ์หรือมีความชำรุดบกพร่องหรือไม่นั้น ซัพพลายเออร์ตกลงถือตามความเห็นของบริษัทหรือตัวแทนของบริษัทซึ่งถือเป็นที่สุด
  3. ในกรณีบริษัทได้ว่าจ้าง, สั่งผลิต โดยให้ซัพพลายเออร์ดำเนินการออกแบบเป็นการเฉพาะตามคำสั่งหรือสัญญาจ้างของบริษัทนั้น ซัพพลายเออร์ตกลงยินยอมให้แบบที่คิดค้นขึ้นนั้นตกเป็นกรรมสิทธิ์หรือทรัพย์สินทางปัญญาของบริษัท โดยห้ามเปิดเผย ห้ามทำซ้ำ หรือทำขายให้ผู้อื่น
  4. หากรายละเอียดของรายการสินค้าที่ตกลงกันในใบสั่งซื้อ/ใบสั่งทำ หรือรายการอื่นๆ ในใบสั่งซื้อ/ใบสั่งทำ คลาดเคลื่อนไปอย่างหนึ่งอย่างใด หรือซัพพลายเออร์ทราบจากความเชี่ยวชาญทางวิชาชีพว่า จะเกิดปัญหาหากดำเนินตามใบสั่งซื้อ/ใบสั่งทำดังกล่าว ซัพพลายเออร์ต้องแจ้งให้บริษัทหรือตัวแทนทราบโดยพลัน แต่ทั้งนี้ ซัพพลายเออร์ตกลงจะปฏิบัติตามคำวินิจฉัยของบริษัท หรือตัวแทนบริษัทซึ่งถือเป็นที่สุด
  5. เว้นแต่ ใบสั่งซื้อ/ใบสั่งทำจะกำหนดไว้เป็นอย่างอื่น หากซัพพลายเออร์ส่งมอบสินค้าล่าช้ากว่ากำหนดระยะเวลาที่ตกลงกันไว้ ซัพพลายเออร์ตกลงยินยอมชำระค่าปรับให้แก่บริษัทเป็นเงินในอัตราร้อยละ 0.2 ต่อวันของมูลค่าสินค้า/งาน นับถัดจากวันครบกำหนดส่งมอบสินค้า/งานเป็นต้นไปจนถึงวันที่ซัพพลายเออร์ได้ส่งมอบสินค้า/งานครบถ้วนสมบูรณ์
  6. นอกเหนือจากการปรับตามข้อ 6. แล้ว ในกรณีที่บริษัทมีเหตุอันควรเชื่อได้ว่าซัพพลายเออร์จะไม่สามารถปฏิบัติให้ถูกต้องครบถ้วนตามใบสั่งซื้อ/ใบสั่งทำ บริษัทขอสงวนสิทธิที่จะยกเลิกใบสั่งซื้อ/ใบสั่งทำนั้น และริบหลักประกันทันที (ถ้ามี) รวมไปถึงเรียกค่าเสียหายอื่นๆ ทั้งหมดที่เกิดขึ้นจากเหตุดังกล่าว นอกจากนี้หากบริษัทต้องจัดซื้อสินค้าดังกล่าวจากบุคคลอื่นในราคาที่สูงขึ้นกว่าราคาที่ซัพพลายเออร์เสนอไว้ ซัพพลายเออร์จะต้องรับผิดชอบชดใช้ราคาที่เพิ่มขึ้นทั้งหมดให้กับบริษัทภายใน 15 วัน นับแต่ได้วันที่ได้รับแจ้งจากบริษัท
  7. เมื่อบริษัทได้ตรวจรับมอบสินค้าแล้ว ซัพพลายเออร์ตกลงปฏิบัติตามกฎการวางบิลและชำระค่าสินค้าของบริษัท
  8. ซัพพลายเออร์ตกลงรับประกันความชำรุดบกพร่องหรือความเสียหายของสินค้าตามใบเสนอราคาและใบสั่งซื้อ/ใบสั่งทำตามระยะเวลาที่กำหนดไว้ในใบสั่งซื้อ/ใบสั่งทำ นับแต่วันที่บริษัทได้ตรวจรับมอบสินค้าถูกต้องครบถ้วนสมบูรณ์แล้ว หากมีความชำรุดบกพร่องหรือความเสียหายเกิดขึ้นภายในระยะเวลาดังกล่าวซัพพลายเออร์ต้องนำสินค้ามาเปลี่ยนให้ใหม่ หรือดำเนินการแก้ไขให้เป็นที่เรียบร้อยภายในระยะเวลาที่บริษัทกำหนดโดยไม่คิดค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น
  9. ในกรณีที่ซัพพลายเออร์ได้วางหลักประกันไว้แก่บริษัทเพื่อเป็นการประกันการปฏิบัติตามใบเสนอราคา และใบสั่งซื้อ/ใบสั่งทำ บริษัทจะดำเนินการคืนหลักประกันดังกล่าวให้ เมื่อซัพพลายเออร์หลุดพ้นจากข้อผูกพันตามใบสั่งซื้อ/ใบสั่งทำ และใบเสนอราคาแล้ว
  10. ซัพพลายเออร์รับรองว่าจะไม่ทำการจำหน่ายจ่ายโอนสิทธิหรือหน้าที่ใดๆ ที่เกี่ยวข้อง และ/หรือที่เกิดขึ้นจากใบสั่งซื้อ/ใบสั่งทำไปให้แก่บุคคลอื่น เว้นแต่จะได้รับความยินยอมเป็นลายลักษณ์อักษรจากบริษัท แต่ทั้งนี้ ซัพพลายเออร์ยังไม่หลุดพ้นความรับผิดตามใบสั่งซื้อ/ใบสั่งทำแต่ประการใด
  11. ซัพพลายเออร์ตกลงจะเก็บรักษาข้อมูลที่ได้รับจากบริษัทเป็นความลับในทุกกรณี และจะไม่เปิดเผยข้อมูลดังกล่าวแก่บุคคลภายนอกไม่ว่ากรณีใดๆ เว้นแต่จะได้รับความยินยอมเป็นลายลักษณ์อักษรจากบริษัทก่อน
  12. ในกรณีที่ซัพพลายเออร์ไม่ปฏิบัติตาม หรือ ผิดเงื่อนไขข้อตกลงที่ระบุไว้ในใบสั่งซื้อ/ใบสั่งทำ บริษัทมีสิทธิยกเลิกใบสั่งซื้อ/ใบสั่งทำไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนได้ ตลอดจนเรียกค่าเสียหายตามที่กฎหมายกำหนด
  13. ใบสั่งซื้อ/ใบสั่งทำให้ใช้บังคับ และตีความตามกฎหมายไทย
  14. ซัพพลายเออร์ตกลงปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ เงื่อนไขและข้อตกลงตามที่ระบุไว้ในการขึ้นทะเบียนซัพพลายเออร์ (Supplier) หรือขึ้นทะเบียนผู้ขายรวมถึงข้อความที่ปรากฏตามใบสั่งซื้อ/ใบสั่งทำหรือสัญญาทุกประการ จึงได้ลงนามในใบสั่งซื้อ/ใบสั่งทำหรือทำสัญญากับบริษัท ทั้งนี้ ไม่ว่าการลงนามนั้นจะผ่านระบบอินเทอร์เน็ตหรือระบบอิเล็กทรอนิกส์หรือรูปแบบเอกสารก็ตาม

 

 

เงื่อนไขเฉพาะสำหรับข้อตกลงเกี่ยวกับการรับเหมาก่อสร้าง

1. ซัพพลายเออร์รับรองว่าเป็นผู้ประกอบการที่มีกิจการที่มั่นคง มีทุนหมุนเวียนเพียงพอต่อการทำการค้ากับบริษัท โดยมีงบดุลที่แสดงส่วนของผู้ถือหุ้น (ทุนจดทะเบียน สินทรัพย์ถาวร กำไรสะสม) มีมูลค่ารวมกันไม่ต่ำกว่าร้อยละ 50 ของมูลค่าตามสัญญา ณ วันเสนอราคา

2. ซัพพลายเออร์ต้องแนบเอกสารโดยมีกรรมการ หรือผู้มีอำนาจลงนามรับรองเอกสาร ดังต่อไปนี้

2.1 หนังสือรับรองบริษัทฯ พร้อมสำเนาบัตรประชาชนกรรมการที่ลงนามรับรองเอกสารไว้

2.2 ภพ.20

2.3 งบการเงินปีล่าสุด

2.4 ประวัติบริษัท (company profile), รายชื่อผลงานการก่อสร้างย้อนหลังไม่เกิน 5 ปี

2.5 เอกสารอื่นๆ ที่แสดงคุณสมบัติ แสดงความพร้อมที่จะเข้ามาประมูลงานและเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาของบริษัทฯ

3. ซัพพลายเออร์จะต้องรับประกันผลงานในด้านต่างๆตามระยะเวลาดังต่อนี้

3.1 รับประกันโครงสร้าง 5 ปี นับแต่บริษัทได้ตรวจ และรับมอบงานงวดสุดท้ายเป็นที่เรียบร้อย

3.2 รับประกันโครงหลังคา 5 ปี นับแต่บริษัทได้ตรวจ และรับมอบงานงวดสุดท้ายเป็นที่เรียบร้อย

3.3 รับประกันผลงานทั่วไป 1 ปี นับแต่บริษัทได้ตรวจ และรับมอบงานงวดสุดท้ายเป็นที่เรียบร้อย

4. เว้นแต่บริษัทจะตกลงไว้เป็นอย่างอื่น ในวันลงนามในสัญญา ซัพพลายเออร์ที่ได้รับการคัดเลือกจากบริษัท ต้องวางหลักประกันสัญญาเพื่อป้องกันการละทิ้งงานไม่น้อยกว่าร้อยละ 2 ของมูลค่างานตามสัญญา และต้องวางไว้จนกว่าบริษัทฯจะลงนามรับมอบงานตามสัญญาจึงจะสามารถขอรับคืน โดยรูปแบบของหลักประกันอาจเป็น เงินสด หรือหนังสือค้ำประกันธนาคาร แล้วแต่บริษัทพิจารณาเห็นสมควร

5. ซัพพลายเออร์ต้องวางเงินประกันความเสียหาย รวมถึงเงินประกันผลงาน ร้อยละ 10 ของมูลค่างาน เป็นระยะเวลา 1 ปี โดยมีเงื่อนไขการวางเงินประกัน คือ ทุกงวดการจ่ายเงินตามสัญญา บริษัทจะหักเงินจำนวนร้อยละ10 เพื่อเป็นเงินประกันความเสียหายและประกันผลงานของผู้รับจ้าง ในกรณีที่ซัพพลายเออร์มีความประสงค์จะขอใช้หนังสือค้ำประกันธนาคารเป็นหลักประกันผลงานแทนเงินสด ซัพพลายเออร์สามารถทำได้ โดยเมื่อบริษัทได้ลงนามตรวจรับมอบงานงวดสุดท้ายครบกำหนด 3 เดือน ให้ซัพพลายเออร์นำหนังสือค้ำประกันจากธนาคารมามอบให้แก่บริษัทซึ่งมีอายุนับต่อจากวันที่รับเงินคืนรวมกันเป็นระยะเวลา 1 ปี

6. ซัพพลายเออร์ต้องทำประกันภัยการก่อสร้างให้ความคุ้มครองความรับผิดตามสัญญารับเหมา คุ้มครองทรัพย์สินเดิมของบริษัท รับผิดต่อบุคคลภายนอก ทั้งนี้ บริษัทและ/หรือพนักงานของบริษัทให้ถือเป็นบุคคลภายนอกกำหนดให้ทุนประกันไม่ต่ำกว่ามูลค่าตามสัญญาจ้างเหมางานก่อสร้าง

7. แบบสถาปัตยกรรม แบบโครงสร้าง แบบงานวิศวกรรมโครงสร้าง หรือแบบอื่นใดที่ได้จากบริษัท เป็นทรัพย์สินของบริษัท ห้ามมิให้ซัพพลายเออร์ นำไป คัดลอก, ทำซ้ำ, ดัดแปลง, เผยแพร่ และห้ามนำไปใช้เป็นประโยชน์ส่วนตัวหรือเพื่อประโยชน์ของผู้อื่น ไม่ว่าจะเพื่อการพาณิชย์หรือไม่ก็ตาม เว้นแต่จะได้รับการอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจากบริษัท

8. บริษัทจะให้ข้อมูลโครงการก่อสร้างเพื่อประกอบการเสนอราคากับซัพพลายเออร์ที่ยินดีและลงนามในสัญญารักษาความลับทางการค้ากับบริษัทแล้วเท่านั้น

เงื่อนไขเฉพาะสำหรับข้อตกลงซื้อขายเครื่องจักรและ/หรือติดตั้ง

 

1. ก่อนการเสนอราคา หรือเข้าทำสัญญาซัพพลายเออร์ได้ศึกษาแบบ ตรวจสอบลักษณะของวัสดุอุปกรณ์ และสภาพของสถานที่ที่จะทำการประกอบติดตั้งโดยละเอียดแล้ว ตลอดจนได้ทราบข้อมูลและรายละเอียดอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งได้รับคำชี้แจงจากบริษัทจนเป็นที่เข้าใจโดยชัดเจนทุกประการแล้วถึงหน้าที่ทั้งปวงอันพึงต้องปฏิบัติงานให้สำเร็จลุล่วงไปโดยเรียบร้อย และได้ผลงานที่ดีสมความประสงค์ของบริษัททุกประการ

2. ซัพพลายเออร์ต้องแนบเอกสารโดยมีกรรมการ หรือผู้มีอำนาจลงนามรับรองเอกสาร ดังต่อไปนี้

2.1 หนังสือรับรองบริษัทฯ พร้อมสำเนาบัตรประชาชนกรรมการที่ลงนามรับรองเอกสารไว้

2.2 ภพ.20

2.3 งบการเงินปีล่าสุด

กรณีซัพพลายเออร์ได้รับคัดเลือกนอกจากหลักฐานการประกอบสัญญาตามปกติแล้ว ซัพพลายเออร์ต้องเตรียมวิศวกรรับผิดชอบควบคุมงานติดตั้งเครื่องจักร และต้องแนบหนังสือรับรองเป็นวิศวกร สำเนาบัตรประชาชนหรือ หนังสือเดินทางกรรมการผู้มีอำนาจลงนามในสัญญา มาพร้อมเอกสารสัญญาสั่งซื้อ/สั่งทำ/สัญญาจ้าง

3. การยืนราคา และการลงนามในสัญญา

การเสนอราคาต้องยืนราคาไว้ไม่น้อยกว่า 60 วันนับจากวันยื่นเสนอราคากับบริษัท และกรณีซัพพลายเออร์ได้รับแจ้งว่าผ่านการคัดเลือก จะต้องลงนามในสัญญาซื้อขาย/สัญญาจ้าง ภายใน 15 วันนับจากวันที่ได้รับแจ้งจากบริษัท

4. เงื่อนไขการชำระเงินของบริษัท

4.1 เว้นแต่ตกลงไว้เป็นอย่างอื่น บริษัทไม่มีนโยบายแบ่งชำระเป็นงวดการจ่าย ซึ่งจะชำระราคาสินค้า/ค่าจ้างในคราวเดียวกันหลังจากลงนามรับมอบงาน ทั้งนี้ ตามกฎการวางบิล-รับเช็คของบริษัท

4.2 ณ วันชำระเงินตามสัญญา บริษัทฯ จะหักเงินประกันผลงาน (Retention) ไว้ 10% จากมูลค่างานรวมที่ระบุไว้ในสัญญา โดยจะคืนให้เมื่อพ้นกำหนดการรับประกันความชำรุดบกพร่อง/รับประกันผลงาน

5. ในการประกอบติดตั้งเครื่องจักร ซัพพลายเออร์จะต้องใช้ความระมัดระวังป้องกันอย่างผู้มีวิชาชีพพึงสงวนป้องกันเพื่อมิให้เครื่องจักร ตัวอาคารโรงาน ตลอดจนทรัพย์สินของบริษัทที่เก็บรักษาไว้ในอาคารโรงงานเกิดความเสียหายหรือสูญหาย หากเกิดความเสียหายหรือสูญหายแก่ทรัพย์สินดังกล่าว ณ บริเวณพื้นที่ที่ส่งมอบ/ติดตั้ง ซัพพลายเออร์ตกลงยินยอมรับผิดชอบชดใช้ค่าเสียหายที่เกิดขึ้นทั้งหมด

6. การรับประกันความชำรุดบกพร่องของสินค้า

ซัพพลายเออร์ราคาจะต้องระบุการรับประกันความชำรุดบกพร่องของเครื่องจักรไม่น้อยกว่า 2 ปี นับถัดจากวันที่บริษัทลงนามรับมอบงาน

7. การรับประกันความเสียหายของงานที่รับทำ ทิ้งงาน

เมื่อซัพพลายเออร์ได้รับเลือกให้เป็นผู้ชนะในการเสนอราคา ซัพพลายเออร์จะต้องวางเงินประกันหรือหนังสือค้ำประกันของธนาคาร (Bank Guarantee) เป็นมูลค่าร้อยละ 10 ของมูลค่าของเครื่องจักรและ/หรือมูลค่างานติดตั้ง ก่อนเริ่มดำเนินงาน

8. การรับประกันความเสี่ยงด้วยการประกันความเสี่ยงภัยทุกชนิดในการติดตั้งเครื่องจักร (Erection All Risks Insurance)

ซัพพลายเออร์ที่ได้รับเลือก จะต้องจัดทำกรมธรรม์ประกันภัยระหว่างการติดตั้งจนส่งมอบเครื่องจักร โดยระบุชื่อบริษัทไว้ในกรมธรรม์ให้เป็นผู้รับผลประโยชน์ และส่งมอบสำเนาเอกสารให้กับบริษัทไว้เป็นหลักฐาน

9. การฝึกอบรม

ซัพพลายเออร์ต้องเสนอแผนการอบรมการใช้อย่างถูกวิธีและการบำรุงรักษาให้เจ้าหน้าที่ของบริษัท โดยแผนการฝึกอบรมนั้นต้องแล้วเสร็จก่อนวันส่งมอบเครื่องจักร ซึ่งถือเป็นเงื่อนไขหนึ่งในการลงนามรับมอบงาน

เงื่อนไขเฉพาะสำหรับข้อตกลงบริการขนส่งสินค้า

เมื่อซัพพลายเออร์ได้รับคัดเลือกจากบริษัทให้ขนส่งผลิตภัณฑ์ยางผสม (Rubber Compound) เคมีภัณฑ์ ไม่ว่าผลิตภัณฑ์จะอยู่ในรูปแบบของผลิตภัณฑ์สำเร็จรูป วัตถุดิบ ก็ตาม รวมถึงการขนส่งบรรจุภัณฑ์ต่างๆ จากบริษัทไปยังสถานที่ที่บริษัทกำหนด โดยจะแจ้งให้ทราบเป็นคราวๆ ไป ซัพพลายเออร์ตกลงปฏิบัติตามเงื่อนไขดังต่อไปนี้

  1. ซัพพลายเออร์รับรองว่า ซัพพลายเออร์เป็นผู้มีความรู้ความสามารถ ความชำนาญ มีประสบการณ์ในด้านการขนส่งเป็นอย่างดี ทั้งได้รับอนุญาตให้ขนส่งตามกฎหมายขนส่งทางบก รวมถึงกฎหมายที่เกี่ยวข้องด้วย
  1. หน้าที่ของซัพพลายเออร์

2.1 ซัพพลายเออร์ตกลงจัดให้มีรถยนต์ เพื่อรองรับการดำเนินงานตามสัญญา ซึ่งแบ่งเป็นรถยนต์ประเภทต่างๆ โดยจะส่งรายละเอียดทั้งหมดให้แก่บริษัทก่อนให้บริการขนส่ง

2.2 ซัพพลายเออร์ตกลงจะทำการประกันภัยที่เหมาะสมเพื่อรองรับกรณีความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับผลิตภัณฑ์ บรรจุภัณฑ์ ตลอดจนทรัพย์สินต่างๆ ที่ขนส่ง ทั้งนี้ ภายใต้วงเงินประกันตามที่บริษัทกำหนด

นอกจากการประกันภัยตามวรรคก่อน ซัพพลายเออร์ต้องจัดทำประกันภัยรถยนต์ และ จัดทำประกันภัยตามพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถพร้อมทั้งส่งมอบสำเนากรมธรรม์ประกันภัยดังกล่าวให้บริษัทยึดถือไว้ในวันทำสัญญานี้ และซัพพลายเออร์จะรับผิดชอบค่าเบี้ยประกันเองทั้งสิ้น และหากมีการเพิ่มอัตราเบี้ยประกัน ซัพพลายเออร์ตกลงชำระเบี้ยประกันที่เพิ่มขึ้นแต่เพียงผู้เดียว

2.3 ซัพพลายเออร์ตกลงติดตั้งอุปกรณ์และระบบติดตามรถยนต์  (GPS) และจัดหาผู้ประสานงานกับบริษัทตลอด 24 ชั่วโมง

2.4 กรณีที่รถยนต์ที่ซัพพลายเออร์จัดหามาแล้ว ไม่สามารถบรรทุกผลิตภัณฑ์ได้ตามน้ำหนักที่ได้แจ้งบริษัทไว้ ซัพพลายเออร์ตกลงจะรับผิดชอบจัดหารถยนต์เพิ่มเติม โดยไม่คิดค่าขนส่งใดๆ

2.5 ในกรณีรถรถยนต์ชำรุดบกพร่อง หรือไม่อยู่ในสภาพพร้อมขนส่งผลิตภัณฑ์ ซัพพลายเออร์ตกลงจะจัดหารถยนต์เพื่อมาทดแทนภายใน 1 ชั่วโมง นับแต่ได้รับแจ้งจากบริษัท หากพ้นกำหนดระยะเวลาดังกล่าว ซัพพลายเออร์ตกลงให้บริษัทปรับรายชั่วโมง เท่ากับอัตราค่าจ้าง

หากซัพพลายเออร์ไม่สามารถจัดหารถมาแทนตามวรรคก่อนได้ ไม่ว่าด้วยเหตุผลใดก็ตามอันอาจหรือก่อให้เกิดความเสียหายแก่บริษัท ซัพพลายเออร์ตกลงยินยอมให้บริษัทคิดค่าปรับเป็นจำนวนเงิน 2 เท่าของค่าจ้างซึ่งระบุในครั้งนั้นๆ และยินยอมให้บริษัทว่าจ้างบุคคลภายนอกทำการขนส่งงานนั้นแทนซัพพลายเออร์ โดยซัพพลายเออร์ต้องเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น

2.6  การจดทะเบียน และข้อมูลทางทะเบียนรถยนต์

                (1) ซัพพลายเออร์ตกลงดำเนินการจดทะเบียนรถยนต์ และขออนุญาตประกอบธุรกิจขนส่งให้ถูกต้องตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง

                (1) ซัพพลายเออร์ตกลงจัดส่งข้อมูลการจดทะเบียนและประกันภัยรถรถยนต์ให้แก่บริษัท และต้องแจ้ง ล่วงหน้าทุกครั้งเมื่อมีการเปลี่ยนแปลง

                (2) ซัพพลายเออร์ตกลงส่งข้อมูลการตรวจสภาพรถยนต์ประจำเดือน ภายในวันที่ 4 ของทุกเดือน

2.7 พนักงานขับรถและพนักงานประจำรถยนต์

                (3) พนักงานขับรถและพนักงานประจำรถยนต์ต้องแต่งกายเรียบร้อย ใส่ยูนิฟอร์มตามระเบียบของซัพพลายเออร์ และต้องมีป้ายชื่อ-สกุลอย่างชัดเจน

                (4) ซัพพลายเออร์ต้องจัดหา อุปกรณ์ป้องกันส่วนตัว (Personal Protective Equipment: PPE) สำหรับพนักงานให้ครบถ้วน อาทิเช่น รองเท้า Safety หรือรองเท้าหุ้มส้น หมวก Safety ผ้าปิดจมูก ถุงมือแว่นตา เสื้อ Safety เป็นต้น

                (5) ซัพพลายเออร์จะต้องดำเนินการตรวจสารเสพติด พนักงานขับรถและพนักงานประจำรถยนต์อย่างน้อย 3 ครั้งต่อปี  และส่งข้อมูลการตรวจให้บริษัททราบภายใน 3 วัน นับแต่การตรวจสอบแล้วเสร็จ

                (6) พนักงานขับรถและพนักงานประจำรถยนต์จะต้องเป็นผู้มีใบอนุญาตขับรถ เป็นผู้มีสติสัมปชัญญะ ไม่เป็นโรคที่สังคมรังเกียจ ไม่ดื่มสุรา หรือสิ่งเสพติดอื่นใดก่อน และ/หรือในขณะปฏิบัติหน้าที่โดยเด็ดขาด ในกรณีที่บริษัทเห็นว่า พนักงานนั้นอยู่ในอาการมึนเมา หรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่ง หรือระเบียบของบริษัทได้ ซัพพลายเออร์จะจัดหาพนักงานขับรถใหม่ให้แก่บริษัทภายใน 1 ชั่วโมง นับแต่ที่ได้รับแจ้งจากบริษัท หากพ้นกำหนดระยะเวลาดังกล่าว ซัพพลายเออร์ตกลงให้บริษัทปรับในอัตราเดียวกับข้อ 2.5

2.8 การส่งคืนเอกสาร และบรรจุภัณฑ์

                (1) ซัพพลายเออร์ต้องส่งเอกสารและบรรจุภัณฑ์คืนให้แก่บริษัท ภายใน 2 วัน นับแต่วันที่มารับผลิตภัณฑ์หรือเอกสารเพื่อนำส่งยังปลายทาง หรือ ในกรณีหากวันที่มารับผลิตภัณฑ์หรือเอกสารอยู่ในระหว่างวันที่ 28- 31 ของเดือน ซัพพลายเออร์ต้องส่งคืนภายในวันที่ส่งสินค้าหรือเอกสารถึงลูกค้า

                (2) สำหรับการส่งคืนบรรจุภัณฑ์ที่รับกลับจากลูกค้าของบริษัท ซัพพลายเออร์ต้อง  ส่งคืนภายในวันที่จัดส่งผลิตภัณฑ์เรียบร้อยแล้วเท่านั้น

2.9 ซัพพลายเออร์ตกลงชดใช้ค่าเสียหายให้แก่บริษัทสำหรับกรณีเกิดความเสียหาย และ/หรือ สูญหายของผลิตภัณฑ์หรือบรรจุภัณฑ์ หรือทรัพย์สินอื่นๆ รวมถึงความเสียหายอันเนื่องมาจากความล่าช้าในการขนส่ง ซึ่งไม่ว่าจะเกิดจากเจตนาหรือความประมาทเลินเล่อของซัพพลายเออร์เองหรือของบุคคลอื่นก็ตาม เป็นจำนวนเงิน 2 เท่าของราคาผลิตภัณฑ์หรือบรรจุภัณฑ์ เว้นแต่ ซัพพลายเออร์จะพิสูจน์ได้ว่าความเสียหายโดยส่วนใหญ่ที่เกิดขึ้นเนื่องจากความผิดของบริษัท หรือพนักงาน ลูกจ้างของบริษัทหรือตัวแทนของบริษัท ซัพพลายเออร์ไม่ต้องรับผิดชอบหรือชดใช้ให้กับบริษัทในเหตุที่เกิดการสูญหายหรือความเสียหายนั้น

2.10 ซัพพลายเออร์ตกลงว่าจะไม่เอางานตามสัญญานี้ ไปให้ผู้อื่นรับจ้างขนส่งช่วงอีกทอดหนึ่ง เว้นแต่จะได้รับความยินยอมเป็นลายลักษณ์อักษรจากบริษัท ทั้งนี้ หากมีการจ้างช่วง ซัพพลายเออร์ยังคงต้องรับผิดชอบต่อบริษัทในการกระทำ หรือความผิดอย่างใดๆ ของซัพพลายเออร์ช่วงเสมือนหนึ่งเป็นความผิดของตนด้วย

2.11 ซัพพลายเออร์จะเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายด้านบริการซึ่งประกอบด้วย ค่าผ่านทาง ค่าปรับตามกฎหมายจราจร ค่าจ้างพนักงาน ค่าล่วงเวลาพนักงาน ค่าน้ำมันเชื้อเพลิง ค่าประกันอุบัติเหตุพนักงานและสวัสดิการต่างๆ ตามกฎหมายกำหนด แก่พนักงานของซัพพลายเออร์

2.12 ในระหว่างการให้บริการขนส่งสินค้า ซัพลายเออร์ตกลงยินยอมเจรจาราคาหรือต่อรองราคากับบริษัทในการขนส่งนอกเส้นทางหรือภายในเส้นทางที่บริษัทกำหนด

2.13 ในการให้บริการขนส่งผลิตภัณฑ์ ซัพพลายเออร์ต้องใช้ความชำนาญ ความระมัดระวัง และความขยันหมั่นเพียรในการทำงานที่จ้างตามสัญญานี้อย่างมีประสิทธิภาพ และจะปฏิบัติหน้าที่ตามความรับผิดชอบตามที่ตกลงกันให้สำเร็จลุล่วงได้มาตรฐานถูกต้องตามหลักวิชาชีพ

3. เพื่อเป็นหลักประกันการปฏิบัติหน้าที่ให้บริการขนส่งผลิตภัณฑ์ ซัพพลายเออร์ตกลงให้กรรมการ หรือผู้บริหารทำสัญญาค้ำประกันไว้กับบริษัท

ข้อตกลงในการรักษาความลับทางการค้า

ข้อตกลงในการรักษาความลับนี้ เป็นส่วนหนึ่งของการนิติกรรมสัญญาต่างๆ ระหว่างบริษัท กับ ซัพพลายเออร์ โดยบริษัทมีความจำเป็นต้องส่งข้อมูลเกี่ยวกับสินค้า/งานว่าจ้างต่างๆของกลุ่มบริษัทอินโนเวชั่นให้แก่ซัพพลายเออร์เพื่อประกอบการเสนอราคา ซื้อขายสินค้า การผลิตสินค้า การให้บริการ งานติดตั้งเครื่องจักร/อุปกรณ์ และงานก่อสร้างโครงการต่างๆ ให้แก่ “บริษัท” ซึ่งข้อมูลดังกล่าวเป็น “ข้อมูลที่เป็นความลับ” และให้หมายความรวมถึงข้อมูลเกี่ยวกับรายละเอียด แบบงาน(Drawing) กระบวนการผลิต นวัตกรรม ข้อมูลผลิตภัณฑ์งานวิศวกรรม ความรู้ (know-how) ความลับการค้า ซอฟแวร์ และข้อมูลการตลาดไม่ว่าจะอยู่ในรูปแบบใดก็ตาม ดังนั้น ซัพพลายเออร์ จึงตกลงยินยอมปฏิบัติตามข้อตกลงในการรักษาความลับ ดังมีข้อความต่อไปนี้

  1. ซัพพลายเออร์ตกลงว่าจะเก็บรักษาข้อมูลที่เป็นความลับตามข้อตกลงนี้ไว้เป็นความลับ และจะไม่เปิดเผยต่อบุคคลที่สาม ในกรณีจำเป็นต้องส่งข้อมูลที่เป็นความลับให้แก่ผู้รับจ้างช่วง หรือที่ปรึกษาเพื่อประกอบการเสนอราคาต้องได้รับความยินยอมล่วงหน้าเป็นลายลักษณ์อักษรจากบริษัททุกครั้ง หากผู้รับจ้างช่วง หรือที่ปรึกษาฝ่าฝืนข้อตกลงข้อใดข้อหนึ่งซัพพลายเออร์ตกลงยินยอมเป็นผู้รับผิดชอบค่าเสียหายเองทั้งสิ้น
  1. ซัพพลายเออร์ตกลงว่า พนักงาน ผู้รับจ้างช่วง ที่ปรึกษา หรือตัวแทนของซัพพลายเออร์ต้องมีหน้าที่รักษาข้อมูลที่เป็นความลับตามข้อตกลงนี้ด้วย
  1. การที่บริษัทส่งมอบข้อมูลที่เป็นความลับตามข้อตกลงนี้ ให้แก่ซัพพลายเออร์จะไม่ถือว่าเป็นการโอนสิทธิต่างๆ ในทางทรัพย์สินทางปัญญาให้แก่ซัพพลายเออร์
  1. ซัพพลายเออร์ตกลงให้บริษัทเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ หรือสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาอื่นใด อันเกิดขึ้นแก่ผลงานที่ซัพพลายเออร์ได้ออกแบบ ไม่ว่าเป็นรายละเอียดการเสนอราคา Drawing หรือไม่ว่าจะอยู่ในรูปแบบใดก็ตาม โดยอาศัยข้อมูลที่เป็นความลับตามข้อตกลงนี้ และซัพพลายเออร์จะนำผลงาน Drawing ตลอดจนรายละเอียดการเสนอราคา ไปใช้เพื่อประโยชน์ของตน เสนอราคา หรือจำหน่ายแก่บุคคลที่สาม หรือเผยแพร่ในกิจการอื่น นอกเหนือจากที่ได้ระบุไว้ในข้อตกลงนี้ไม่ได้ เว้นแต่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจากบริษัทก่อน
  1. ซัพพลายเออร์ตกลงจะไม่ทำสำเนาใดๆ เกี่ยวกับข้อมูลที่เป็นความลับ เว้นแต่จะได้รับความยินยอมเป็นลายลักษณ์อักษรจากบริษัท
  1. ข้อมูลที่เป็นความลับตามข้อตกลงนี้ เป็นสิทธิแต่เพียงผู้เดียวของบริษัท ซัพพลายเออร์ตกลงจะคืนข้อมูลทั้งหมดให้แก่บริษัททันที เมื่อได้รับแจ้งจากบริษัท
  1. ในกรณีที่ซัพพลายเออร์เปิดเผยข้อมูลที่เป็นความลับแก่บุคคลที่สาม หรือฝ่าฝืนข้อตกลงข้อใดข้อหนึ่ง ซัพพลายเออร์ตกลงรับผิดชอบชดใช้ค่าเสียหายทั้งหมดให้แก่บริษัท
  1. ข้อมูลที่เป็นความลับตามข้อตกลงนี้ ไม่รวมถึงข้อมูลดังต่อไปนี้

8.1 ข้อมูลดังกล่าวเป็นข้อมูลที่ซัพพลายเออร์ได้รับทราบอยู่ก่อนที่บริษัทจะได้เปิดเผยข้อมูลนั้น

8.2 ข้อมูลที่เป็นความลับดังกล่าวกลายเป็นข้อมูลที่รู้กันโดยทั่วไปก่อนหรือหลังจากที่บริษัทเปิดเผย อันมิใช่ความผิดของซัพพลายเออร์

8.3 ซัพพลายเออร์ได้รับมอบข้อมูลดังกล่าวมาจากบุคคลที่สาม

  1. ซัพพลายเออร์ไม่สามารถโอนสิทธิและหน้าที่ตามข้อตกลงนี้ให้แก่บุคคลอื่นได้ เว้นแต่ได้รับความยินยอมเป็นลายลักษณ์อักษรจาก“บริษัท”
  1. ข้อตกลงนี้มีผลใช้บังคับนับแต่ซัพพลายเออร์ยอมรับเงื่อนไขข้อตกลงนี้ และมีผลใช้บังคับต่อไปโดยไม่มีกำหนดระยะเวลาสิ้นสุด
  1. หากข้อตกลงข้อใดข้อหนึ่งตกเป็นโมฆะ หรือไม่สามารถใช้บังคับได้ซัพพลายเออร์ตกลงให้ข้อตกลงส่วนที่เหลืออยู่มีผลใช้บังคับต่อไป

ระเบียบการวางบิลและชำระค่าสินค้า/บริการ

1.กำหนดการวางบิลและชำระค่าสินค้า/บริการ

1.1 บริษัทมีนโยบายชำระค่าสินค้าด้วยวิธีการโอนเงินผ่านบัญชีธนาคารเท่านั้น กรณีซัพพลายเออร์มีความจำเป็นไม่สามารถรับชำระค่าสินค้าด้วยวิธีการโอนเงินได้ บริษัทจะจ่ายเป็นเช็คเท่านั้น ทั้งนี้การชำระค่าสินค้าด้วยการรับเช็คต้องระบุข้อตกลงนี้ไว้ในเงื่อนไขการค้าสัญญาซื้อขาย หรือเอกสารใบเสนอราคาที่ได้รับการลงนามยินยอมทั้งสองฝ่ายแล้วเท่านั้น 

1.2 บริษัทมีนโยบายปฏิบัติตามประกาศคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า เรื่อง แนวทางพิจารณาการปฏิบัติทางการค้าที่เป็นธรรมเกี่ยวกับระยะเวลาการให้สินเชื่อการค้าฯ ดังนั้น จึงได้กำหนดวันรับวางบิล และกำหนดการจ่ายเงิน โดยแบ่งตามขนาดของกิจการของซัพพลายเออร์ ดังนี้

กำหนด

ซัพพลายเออร์ขนาดกิจการ SMEs

ซัพพลายเออร์ขนาดกิจการขนาดใหญ่

กำหนดรับวางบิล

ทุกวันที่ 10-15 ของเดือน

ทุกวันที่ 10-15 ของเดือน

กำหนดจ่ายเงิน

กำหนดจ่ายทุกวันที่ 5, 15, 25 ของเดือน

ทุกวันที่ 10 ของเดือน

 

1.3 กรณีวันที่กำหนดไว้ในข้อ 1 ติดวันหยุดสุดสัปดาห์หรือเป็นวันหยุดประจำปีบริษัท จะเลื่อนออกเป็นวันทำการถัดไป ทั้งนี้ ให้ยึดตามปฏิทินการรับวางบิลและจ่ายเงินประจำปีที่แนบมาพร้อมนี้

2. เอกสารประกอบการวางบิล

2.1 เอกสารประกอบการวางบิล แยกตามช่องทางการชำระค่าสินค้า

ลำดับ

ชื่อเอกสารสำหรับประกอบการวางบิล

กรณีโอนเงิน

กรณีรับเช็ค

1.

ต้นฉบับและสำเนาใบวางบิล

2.

ใบกำกับภาษี ที่มีการลงลายมือชื่อผู้รับสินค้าและวันที่รับสินค้า

-         กรณีซื้อสินค้า แนบสำเนาใบกำกับภาษี

-         กรณีงานบริการ แนบต้นฉบับใบกำกับภาษี

3.

สำเนาใบแจ้งหนี้ที่มีลายมือชื่อผู้ให้บริการและผู้รับบริการ (เฉพาะกรณีงานบริการ)

4.

ต้นฉบับใบเสร็จรับเงินที่มีการลงลายมือชื่อผู้รับเงิน/ผู้มีอำนาจลงนาม พร้อมประทับตรา (ถ้ามี)

x

5.

สำเนาหน้าบัญชีธนาคาร (Book Bank Account) ยื่นเฉพาะกรณีวางบิลครั้งแรก หรือแจ้งเปลี่ยนแปลงเลขที่บัญชีเท่านั้น

บัญชีธนาคารที่แจ้งต้องเป็นชื่อบัญชีธนาคารของคู่สัญญาที่ตกลงทำการค้าในสัญญาซื้อขายนั้นๆ เท่านั้น

x

6.

สำเนาเอกสารใบสั่งซื้อ (PO) ที่มีการลงลายมือชื่อผู้มีอำนาจสั่งซื้อ

กรณีส่งสินค้าไม่ครบตามจำนวนที่ระบุใน PO บริษัทไม่รับวางบิล

กรณีเป็นงานจ้างเหมาบริการ ผู้รับจ้าง/ผู้ให้บริการต้องติดอากรแสตมป์ หรือตีตราสารตามกฎหมาย สรรพากร

7.

ยื่นหลักฐานเอกสารที่แสดงว่าได้มีการส่งมอบเอกสารเสร็จสิ้นสมบูรณ์

เป็นไปตามข้อตกลงและเงื่อนไขทางการค้าที่ได้ตกลงไว้ เช่น

-         เอกสารส่งมอบงานที่มีการลงลายมือชื่อผู้รับมอบงาน

-         เอกสารรับประกันสินค้าและบริการ

-         เอกสารใบรับรองคุณภาพสินค้าและบริการ

เอกสารอื่นๆ หรือไฟล์ข้อมูลดิจิตอล ที่ระบุไว้ในข้อตกลงทางการค้า

2.2 บริษัทจะถือว่ากระบวนการรับวางบิลเสร็จสิ้นสมบูรณ์ และนัดวันชำระค่าสินค่าและบริการ ต่อเมื่อซัพพลายเออร์ได้ส่งมอบเอกสารดังกล่าวข้างต้นถูกต้องครบถ้วนสมบูรณ์แล้วเท่านั้น

3.ช่องทางการรับวางบิล

3.1 การวางบิลทางไปรษณีย์

(1) ท่านสามารถจัดส่งเอกสารตามข้อ 1 ได้ตั้งแต่วันที่ 1-15 ของเดือน โดยบริษัทจะพิจารณาจากวันที่ผู้ให้บริการรับ-ส่งไปรษณีย์แสตมป์รับเอกสาร หรือระบุวันที่รับฝากส่งเอกสารเป็นสำคัญ

(2) ที่อยู่ในการจัดส่งเอกสาร ส่งถึงคุณลัดดาวัลย์ ฤกษ์สวัสดิ์ - แผนกบัญชี เลขที่ 388 ถนนรามคำแหง แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กรุงเทพฯ 10240

(3) กรุณาแนบซองจดหมาย จ่าหน้าซองระบุชื่อที่อยู่ของท่าน จำนวน 2 ซอง พร้อมติดแสตมป์ในอัตราตามประเภทการส่งที่ท่านประสงค์จะให้บริษัทส่งกลับ ทั้งนี้ ขอให้วงเล็บมุมซอง ดังนี้

ลำดับ

ซองเอกสาร (วงเล็บมุมซอง)

ลงทะเบียน

EMS

1

หนังสือหัก ณ ที่จ่าย

16

32

2

ต้นฉบับใบวางบิล

16

32

 

3.2 การวางบิล ณ ที่ทำการของบริษัท ตั้งแต่วันที่ 10-15 ของเดือน เวลา 09.00-16.00 น. โดยสามารถนำเอกสารตามข้อ 1 ส่ง ณ จุดรับเอกสารวางบิลที่จัดเตรียมไว้ พร้อมแนบซองจดหมายตามข้อ 3.1.3 โดยมีสถานที่รับวางบิล ณ ที่ทำการของบริษัท ดังนี้

(1) ท้องที่กรุงเทพมหานคร นำส่งเอกสารวางบิลได้ที่ อาคาร 1 ตั้งอยู่เลขที่ 388 ถนนรามคำแหง แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กรุงเทพมหานคร 10240

(2) ท้องที่อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี นำส่งเอกสารวางบิลได้ที่ บริษัท ไทย-นิฮอน ซีลส์ จำกัด ตั้งอยู่เลขที่ 227/7 หมู่ที่ 11 ตำบลหนองขาม อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี 20230

(3) ท้องที่จังหวัดระยอง นำส่งเอกสารวางบิลได้ที่ บริษัท พี ไอ อินดัสทรี จำกัด ตั้งอยู่เลขที่ 91 หมู่ที่ 5 ตำบลหนองบัว อำเภอบ้านค่าย จังหวัดระยอง 21120

 

กรณีซัพพลายเออร์/ผู้ให้บริการ เปลี่ยนขนาดประเภทกิจการอันเข้าหลักเกณฑ์ ประกาศคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า เรื่อง แนวทางพิจารณาการปฏิบัติทางการค้าที่เป็นธรรมเกี่ยวกับระยะเวลาการให้สินเชื่อการค้า (Credit Term) กรณีผู้ประกอบธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) เป็นผู้ขายสินค้าหรือบริการ ซัพพลายเออร์/ผู้ให้บริการมีหน้าที่แจ้งให้บริษัททราบทันที โดยกรอกแบบสำรวจสถานะความเป็นผู้ประกอบการธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ติดต่อขอรับแบบฟอร์มได้ที่เจ้าหน้าฝ่ายจัดซื้อของบริษัทที่ท่านติดต่อด้วย

จริยธรรมธุรกิจและข้อพึงปฏิบัติในการทำงาน (Business Ethics and Code of Conduct) สำหรับซัพพลายเออร์

กลุ่มบริษัทอินโนเวชั่นเชื่อมั่นว่าการประกอบธุรกิจอย่างซื่อตรง มีจริยธรรม และคุณธรรม เป็นพื้นฐานสำคัญในการเจริญเติบโตอย่างยั่งยืน ดังนั้นไม่เพียงแต่กลุ่มบริษัทอินโนเวชั่นจะยึดมั่นปฏิบัติต่อซัพพลายเออร์เท่านั้น การคัดเลือกซัพพลายเออร์เรื่องจรรยาบรรณในการดำเนินธุรกิจจึงเป็นปัจจัยสำคัญหนึ่งในการพิจารณา อาทิเช่น การปฏิบัติตามกฎหมาย การเคารพสิทธิมนุษยชน หลักธรรมาภิบาล สิ่งแวดล้อม ฯลฯ ซัพพลายเออร์ที่ทำธุรกิจกับบริษัทฯ พึงดำเนินธุรกิจตามแนวทางปฏิบัติต่อไปนี้

  1. ด้านจริยธรรมทางธุรกิจ

1.1 การประกอบธุรกิจด้วยความเป็นธรรม: ซัพพลายเออร์ของกลุ่มบริษัทอินโนเวชั่นต้องปฏิบัติต่อผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่ายด้วยความรับผิดชอบและเป็นธรรม รวมถึงดำเนินธุรกิจภายใต้กรอบกติกาการแข่งขันที่ดี

1.2 ความซื่อสัตย์ทางธุรกิจ: ซัพพลายเออร์ของกลุ่มบริษัทอินโนเวชั่นจะต้องดำเนินธุรกิจตามหลักจริยธรรมอย่างเคร่งครัด โดยไม่ทุจริต ติดสินบน หรือ ประกอบธุรกิจผิดกฎหมาย ซึ่งหากพบว่า ซัพพลายเออร์ได้กระทำการใดๆ เข้าขอบข่ายดังกล่าว ซัพพลายเออร์จะถูกยกเลิกสัญญา โดยกลุ่มบริษัทอินโนเวชั่นจะไม่รับผิดชอบความเสียหายต่างๆ ที่เกิดขึ้นต่อซัพพลายเออร์หรือบุคคลอื่น อันเนื่องมาจากการยกเลิกสัญญาดังกล่าว และซัพพลายเออร์อาจถูกดำเนินการตามกฎหมาย

1.3 การรักษาความลับ: ซัพพลายเออร์ของกลุ่มบริษัทอินโนเวชั่นจะต้องป้องกันการรั่วไหลของข้อมูลที่เป็นความลับของกลุ่มบริษัทอินโนเวชั่น และต้องไม่มีการนำข้อมูลของกลุ่มบริษัทอินโนเวชั่นไปใช้เพื่อวัตถุประสงค์ที่ผิดกฎหมาย และ/หรือ เพื่อประโยชน์ส่วนบุคคล และ/หรือ เพื่อประโยชน์ทางการค้าในการนำความลับไปใช้เพื่อประโยชน์ทางการค้านั้น จะทำได้ต่อเมื่อได้รับความยินยอมเป็นลายลักษณ์อักษรจากกลุ่มบริษัทอินโนเวชั่น โดยผู้ใช้ต้องกระทำด้วยความสุจริต

1.4 การปฏิบัติตามกฎหมาย: ซัพพลายเออร์ต้องปฏิบัติตามกฎหมายและกฎระเบียบทั้งหมดในประเทศที่ซัพพลายเออร์มีการดำเนินธุรกิจอยู่ และปฏิบัติตามกฎหมายระหว่างประเทศและกฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง รวมถึงที่เกี่ยวข้องกับการค้าระหว่างประเทศ (เช่น การลงโทษ ทางการค้า การควบคุมการส่งออก และหน้าที่ในการรายงาน) การปกป้องข้อมูล กฎหมายการป้องกันการ ผูกขาด/การแข่งขันทางการค้า

1.5 การเคารพทรัพย์สินทางปัญญา: ซัพพลายเออร์ของกลุ่มบริษัทอินโนเวชั่น ต้องเคารพและไม่ละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาของผู้อื่น รวมถึงจัดให้มีมาตรการป้องกันการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา

1.6 การต่อต้านการทุจริตและคอร์รัปชั่น: การดำเนินธุรกิจของซัพพลายเออร์กับกลุ่มบริษัทอินโนเวชั่นต้องดำเนินการอย่างถูกต้องตรงไปตรงมาโปร่งใส ซื่อสัตย์ตรวจสอบได้ และไม่คอร์รัปชั่น โดยปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง และนโยบายต่อต้านคอร์รัปชั่นของกลุ่มบริษัทอินโนเวชั่น รวมทั้งไม่ทำให้เกิด ข้อครหา หรือเสื่อมเสียชื่อเสียงของบริษัท

  1. ผลประโยชน์ทับซ้อน

กลุ่มบริษัทอินโนเวชั่นเชื่อมั่นว่าการประกอบธุรกิจอย่างซื่อตรง มีจริยธรรม และคุณธรรม เป็นพื้นฐานสำคัญในการเจริญเติบโตอย่างยั่งยืน ดังนั้นไม่เพียงแต่กลุ่มบริษัทอินโนเวชั่นจะยึดมั่นปฏิบัติต่อซัพพลายเออร์เท่านั้น การคัดเลือกซัพพลายเออร์เรื่องจรรยาบรรณในการดำเนินธุรกิจจึงเป็นปัจจัยสำคัญหนึ่งในการพิจารณา อาทิเช่น การปฏิบัติตามกฎหมาย การเคารพสิทธิมนุษยชน หลักธรรมาภิบาล สิ่งแวดล้อม ฯลฯ

  1. สวัสดิการแรงงานและหลักสิทธิมนุษยชน

3.1 การไม่บังคับใช้แรงงาน: ไม่ปฏิบัติต่อแรงงานในลักษณะแรงงานทาส รวมถึงการลงโทษทางกายภาพ การขู่เข็ญ การกักขัง หรือ ข่มขู่แรงงานของตนเอง แรงงานต้องปฏิบัติงานด้วยความสมัครใจ แรงงานสามารถหยุดงาน หรือยกเลิกการว่าจ้างงานได้ตามที่กฎหมายกำหนด หากมีการแจ้งซัพพลายเออร์ถึงเหตุผลอันสมควร

3.2 การปฏิบัติอย่างเป็นธรรม: ปฏิบัติต่อพนักงานด้วยความเคารพ คำนึงถึงหลักสิทธิมนุษยชน ความเท่าเทียม ไม่เลือกปฏิบัติ ไม่แบ่งแยกถิ่นกำเนิด เชื้อชาติ เพศ อายุ สีผิว ศาสนา การแสดงออกทางความคิด สภาพร่างกาย ฐานะ และชาติตระกูล

3.3 การคุ้มครองสิทธิของแรงงาน: ไม่จ้างแรงงานเด็กที่อายุต่ำกว่าเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด กรณีมีการจ้างแรงงานที่อายุเกินเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด แรงงานดังกล่าวจะต้องได้รับความคุ้มครองตามที่กฎหมายกำหนดทุกประการ กรณีใช้แรงงานต่างด้าวต้องปฏิบัติตามที่กฎหมายกำหนดอย่างถูกต้อง พิจารณาจัดสรรที่พักอาศัยที่เหมาะสม ให้กับแรงงานในพื้นที่งานก่อสร้าง โดยคำนึงถึงความปลอดภัยและสุขภาพอนามัย และ จัดสรรพื้นที่พักอาศัยสำหรับเด็กให้อยู่ห่างจากพื้นที่งานก่อสร้าง

3.4 ผลตอบแทนระยะเวลาการทำงาน: จัดสรรค่าตอบแทนที่เหมาะสมตามความรู้ ความสามารถ ศักยภาพ ตามที่พนักงานพึงได้รับ และไม่ต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐานที่กฎหมายกำหนด จัดสรรเวลาการทำงาน การทำงานล่วงเวลา และวันลาหยุดตามที่กฎหมายกำหนด การทำงานล่วงเวลา หรือทำงานในวันหยุดต้องเป็นไปด้วยความสมัครใจของพนักงาน

  1. การดำเนินธุรกิจจะต้องเป็นไปอย่างยั่งยืนและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

4.1 การดำเนินงาน การจัดหา การผลิต การกระจายสินค้า และการให้บริการ จะต้องดำเนินการตามวัตถุประสงค์ เพื่อปกป้องและรักษาสิ่งแวดล้อม และต้องปฏิบัติตามกฎหมายและกฎระเบียบด้านสิ่งแวดล้อม

4.2 มีการวางแผนการจัดการด้านสิ่งแวดล้อมอย่างมีประสิทธิภาพ เป็นการปฏิบัติตามที่กฎหมายกำหนด รวมถึงการใช้สารเคมีอันตราย การกำจัดของเสีย น้ำเสียและมลพิษทางอากาศ การใช้น้ำและพลังงาน

  1. ความปลอดภัยและชีวอนามัย

5.1 ความปลอดภัยและสภาพแวดล้อมในการทำงาน: ซัพพลายเออร์ของอินโนเวชั่น กรุ๊ป ต้องปฏิบัติตามกฎหมาย ด้านความปลอดภัยและอาชีวอนามัยจัดเตรียมสภาพแวดล้อม ในการทำ งานให้ปลอดภัยเพื่อลดและควบคุมโอกาสการ บาดเจ็บ / เจ็บป่วย /อุบัติเหตุและเหตุฉุกเฉิน

5.2 อุปกรณ์ป้องกันอันตรายส่วนบุคคล: ซัพพลายเออร์ของกลุ่มบริษัทอินโนเวชั่นต้องจัดเตรียมอุปกรณ์ป้องกัน อันตรายส่วนบุคคลที่พร้อมใช้ เหมาะสมกับงาน และเพียงพอกับลูกจ้าง

5.3 การเตรียมความพร้อมในสถานการณ์ฉุกเฉิน: ซัพพลายเออร์ของกลุ่มบริษัทอินโนเวชั่นต้องมีแผนรองรับเมื่อเกิด สถานการณ์ฉุกเฉินและสื่อสารให้ลูกจ้างมีความเข้าใจ ปฏิบัติได้ถูกต้องและปลอดภัยเมื่อเกิดสถานการณ์ฉุกเฉิน

  1. การมีส่วนร่วมพัฒนาสังคม

ซัพพลายเออร์ของกลุ่มบริษัทอินโนเวชั่น ควรดำเนินธุรกิจโดยคำนึงถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อชุมชน / สังคมรอบข้าง และมีส่วนร่วมในการพัฒนาคุณภาพชีวิต สร้างความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นให้กับชุมชนและสังคมไทย

นโยบายข้อมูลส่วนบุคคล

ตามที่พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 ซึ่งมีผลบังคับใช้วันที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2565 บริษัทได้ให้ความสำคัญอย่างยิ่งต่อการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และการปฏิบัติตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เคารพสิทธิความเป็นส่วนตัวของเจ้าของข้อมูล อีกทั้งเพื่อให้เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลเกิดความมั่นใจว่าจะได้รับความคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ด้วยมาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลที่เหมาะสม เพื่อเป็นแนวปฏิบัติให้ถูกต้องตามกฎหมาย บริษัทได้วางนโนบายไว้ดังต่อนี้

1.คำนิยาม

“บริษัท”  หมายถึง บริษัทในกลุ่มบริษัทอินโนเวชั่น ดังมีรายชื่อต่อไปนี้ บริษัท เคมี อินโนเวชั่น จำกัด, บริษัท พี ไอ อินดัสทรี จำกัด, บริษัท อินโนเวชั่น กรุ๊ป (ประเทศไทย) จำกัด, บริษัท พัฒนาธุรกิจสากล จำกัด, บริษัท อินโนเวชั่น โพลีมิกซ์ จำกัด, บริษัท ไทย-นิฮอน ซีลส์ จำกัด, บริษัท ครีเอทีฟ อินโนเวชั่น จำกัด, บริษัท ครีเอทีฟ โพลิเมอร์ส จำกัด, บริษัท คาวามาตะ อินโนเวชั่น (ประเทศไทย) จำกัด, บริษัท เคจีไอ เทคโนโลยี จำกัด, บริษัท สแกนท๊อป อินโนเวชั่น (ประเทศไทย) จำกัด, บริษัท อินโนเวชั่น แคปปิตอล (1989) จำกัด, บริษัท อินโนเวชั่น พร็อพพริเอท จำกัด, INNOVATION GROUP (VIET NAM) CO., LTD., CHEMICAL INNOVATION (VIET NAM) CO., LTD. และให้หมายความรวมถึงบริษัทอื่นใดในกลุ่มบริษัทอินโนเวชั่น ซึ่งได้จดทะเบียนจัดตั้งขึ้นในอนาคตทั้งในและต่างประเทศด้วย

“บุคคล” หมายถึง บุคคลธรรมดา

“ข้อมูลส่วนบุคคล” (Personal Data) หมายถึง ข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลซึ่งทำให้สามารถระบุตัวบุคคลนั้นได้ ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม แต่ไม่รวมถึงข้อมูลของผู้ถึงแก่กรรมโดยเฉพาะ ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 และที่จะมีการแก้ไขเพิ่มเติม และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง

“เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล” (Data Subject) หมายถึง ตัวบุคคลที่เป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลนั้น แต่ไม่ใช่กรณีที่บุคคลมีความเป็นเจ้าของข้อมูล (Ownership) หรือเป็นผู้สร้างหรือเก็บรวบรวมข้อมูลนั้นเอง โดยเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลนี้จะหมายถึงบุคคลธรรมดาที่มีชีวิตอยู่เท่านั้น และไม่รวมถึง “นิติบุคคล” (Juridical Person) ที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมาย เช่น บริษัท สมาคม มูลนิธิ หรือองค์กรอื่นใด

“ข้อมูลส่วนบุคคลอ่อนไหว” หมายถึง ข้อมูลที่เป็นเรื่องส่วนบุคคลโดยแท้ของบุคคล แต่มีความละเอียดอ่อนและอาจสุ่มเสี่ยงในการเลือกปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรม เช่น เชื้อชาติ, เผ่าพันธุ์, ความคิดเห็นทางการเมือง, ความเชื่อในลัทธิ ศาสนาหรือปรัชญา, พฤติกรรมทางเพศ, ประวัติอาชญากรรม, ข้อมูลสุขภาพ ความพิการ หรือข้อมูลสุขภาพจิต, ข้อมูลสหภาพแรงงาน, ข้อมูลพันธุกรรม, ข้อมูลชีวภาพ, หรือข้อมูลอื่นใด ซึ่งกระทบต่อเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลในทำนองเดียวกันตามที่คณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลประกาศกำหนด

“ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล” หมายถึง บุคคลหรือนิติบุคคลซึ่งมีอำนาจหน้าที่ตัดสินใจเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล

“การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล” หมายถึง การเก็บ รวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล

“ผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล” หมายถึง บุคคลหรือนิติบุคคลซึ่งดำเนินการเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลตามคำสั่งหรือในนามของผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล ทั้งนี้ บุคคลหรือนิติบุคคลซึ่งดำเนินการดังกล่าวไม่เป็นผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล

2.ขอบเขตการบังคับใช้

นโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้ มีผลบังคับใช้กับการปฏิบัติงานของพนักงานทุกคน ซึ่งหมายถึงพนักงานประจำ พนักงานสัญญาจ้างงานแบบระบุระยะเวลาสิ้นสุดสัญญา พนักงานชั่วคราว และผู้รับเหมา รวมถึงผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลในนามบริษัท

3.การเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล

3.1 บริษัทจะดำเนินการเก็บรวมรวมข้อมูลส่วนบุคคล โดยมี วัตถุประสงค์ ขอบเขต และใช้วิธีการที่ชอบด้วยกฎหมายและเป็นธรรม โดยในการเก็บรวบรวมนั้นจะทำเพียงเท่าที่จำเป็นแก่การดำเนินงานภายใต้วัตถุประสงค์ของบริษัท เท่านั้น

3.2 บริษัทจะดำเนินการให้เจ้าของข้อมูล รับรู้ ให้ความยินยอมทางอิเล็กทรอนิกส์ หรือตามแบบวิธีการของบริษัท กรณีที่จัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลอ่อนไหวของเจ้าของข้อมูล บริษัทจะขอความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลโดยชัดแจ้งก่อนทำการเก็บรวบรวม เว้นแต่การเก็บข้อมูลส่วนบุคคลและข้อมูลส่วนบุคคลอ่อนไหวจะเข้าข้อยกเว้นตามที่ พรบ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 หรือกฎหมายอื่นกำหนดไว้

4. วัตถุประสงค์ของการรวบรวมข้อมูล ใช้ ประมวลผล หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัท เก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล โดยจะทำเท่าที่จำเป็นเพียงพอแก่การดำเนินงาน และที่กฎหมายกำหนดให้กระทำการได้  มีวัตถุประสงค์หลัก ดังต่อไปนี้

4.1 เพื่อประโยชน์ในการดำเนินกิจการงานของบริษัท การจัดหาหรือจำหน่ายผลิตภัณฑ์ การให้หรือรับบริการในรูปแบบต่าง ๆ

4.2 เพื่อการทำธุรกรรมทางการเงิน และภาษีที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติตามสัญญาของบริษัท

4.3 เพื่อการค้นคว้า หรือการวิจัย

4.4 เพื่อประโยชน์ในการจัดทำฐานข้อมูลสำหรับการวิเคราะห์และนำเสนอบริการหรือผลิตภัณฑ์ใด ๆ ของบริษัท หรือบุคคลที่เป็นผู้จำหน่าย เป็นตัวแทน หรือมีความเกี่ยวข้องกับบริษัท

4.5 เพื่อประโยชน์ในการปรับปรุงคุณภาพในการดำเนินงาน การให้บริการ และการดำเนินการที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของบริษัท

4.6 เพื่อการวิเคราะห์และติดตามการใช้บริการทางเว็บไซต์ และวัตถุประสงค์ในการตรวจสอบย้อนหลังในกรณีที่เกิดปัญหาการใช้งาน

4.7 เพื่อการเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ ของบริษัท

4.8 เพื่อวัตถุประสงค์ในการควบคุมการเข้าถึง การป้องกันและระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลหรือบุคคลอื่น การควบคุมและป้องกันโรคติดต่อ และเพื่อประโยชน์ในการดูแลรักษาความปลอดภัย ของบริเวณอาคาร ภายในอาคาร และพื้นที่ของบริษัท

4.9 เพื่อปฏิบัติตามกฎหมายหรือกฎระเบียบที่ใช้บังคับกับบริษัท ทั้งในปัจจุบันและในอนาคต

ข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัท ดำเนินการเก็บรวบรวมเพื่อวัตถุประสงค์ข้างต้นเป็นข้อมูลที่จำเป็นในการปฏิบัติตามสัญญาหรือการปฏิบัติตามกฎหมายต่าง ๆ ที่ใช้บังคับ หากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลไม่ให้ข้อมูลส่วนบุคคลที่จำเป็นดังกล่าว อาจเป็นการฝ่าฝืนกฎหมาย หรือบริษัท อาจไม่สามารถบริหารหรือจัดการสัญญา หรืออำนวยความสะดวกในการดำเนินการต่างๆ ให้กับเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้

ทั้งนี้หากภายหลังมีการเปลี่ยนแปลงวัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล บริษัทจะแจ้งให้เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลทราบ และดำเนินการอื่นใดตามที่กฎหมายกำหนด รวมถึงจัดให้มีบันทึกการแก้ไขเพิ่มเติมไว้เป็นหลักฐาน

5. ระยะเวลาในการจัดเก็บ และทำลาย ข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัทจะจัดเก็บและใช้ข้อมูลส่วนบุคคลไว้ตราบเท่าที่จำเป็น เพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าว ในกรณีที่ไม่สามารถระบุระยะเวลาการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลได้ชัดเจนบริษัทจะเก็บรักษาข้อมูลไว้ตามระยะเวลาที่อาจคาดหมายได้ภายใต้กรอบของกฎหมายที่เกี่ยวกับการเก็บรวบรวม (เช่น อายุความตามกฎหมายทั่วไปสูงสุด 10 ปี) เมื่อหมดความจำเป็นหรือสิ้นสุดระยะเวลาจัดเก็บที่กำหนดบริษัทจะทำลาย ลบ หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวบุคคลที่เป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้ เว้นแต่ในกรณีที่มีเหตุจำเป็นทางกฎหมาย หรือเหตุผลทางเทคนิครองรับ บริษัทอาจเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไว้นานกว่าระยะเวลานั้น

            ทั้งนี้ บริษัทจะใช้เวลาในการดำเนินการลบทำลายข้อมูลส่วนบุคคลให้เสร็จสิ้นภายใน 90 วัน นับจากวันที่สิ้นสุดระยะเวลาจัดเก็บ หรือนับจากวันที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลแจ้งเพิกถอนความยินยอม

6. การขอความยินยอม และผลกระทบที่เป็นไปได้จากการปฏิเสธให้ข้อมูลส่วนบุคคล หรือขอถอนความยินยอม

ในกรณีที่บริษัทจำเป็นต้องเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูล และเจ้าของข้อมูลไม่ให้ข้อมูลส่วนบุคคลแก่บริษัท บริษัทอาจปฏิเสธการดำเนินการอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง หรือปฏิเสธการให้บริการ หรือจำกัดสิทธิในการให้บริการ

6.1 ในกรณีที่บริษัทเก็บรวบรวมและประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลโดยอาศัยความยินยอมของเจ้าของข้อมูล เจ้าของข้อมูลมีสิทธิที่จะถอนความยินยอมที่ให้ไว้กับบริษัทได้ตลอดเวลา ซึ่งการถอนความยินยอมนี้จะไม่ส่งผลกระทบต่อการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล หรือประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่เจ้าของข้อมูลได้ให้ความยินยอมไปแล้ว

6.2 หากเจ้าของข้อมูลถอนความยินยอมที่ได้ให้ไว้กับบริษัทหรือปฏิเสธไม่ให้ข้อมูลบางอย่าง อาจส่งผลให้บริษัทไม่สามารถดำเนินการเพื่อบรรลุวัตถุประสงค์บางส่วนหรือทั้งหมดตามที่ระบุไว้ในนโยบายความเป็นส่วนตัวนี้ได้

6.3 หากเจ้าของข้อมูลถอนความยินยอมที่ได้ให้ไว้กับบริษัท หรือปฏิเสธไม่ให้ข้อมูลบางอย่าง ที่ต้องใช้เพื่อปฏิบัติตามกฎหมาย หรือสัญญาจ้าง หรือเพื่อเข้าทำสัญญาแก่บริษัท อาจทำให้การปฏิบัติงานตามสัญญาและสิทธิในการเข้าถึงสวัสดิการหรือบริการที่บริษัทจัดไว้ ไม่สามารถดำเนินการได้อย่างสมบูรณ์

7. ข้อยกเว้นในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลโดยไม่ต้องได้รับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัท หรือผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลจะทำการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลโดยขอความยินยอมจากเจ้าของข้อมูล เว้นแต่มีเหตุจำเป็น ซึ่งกฎหมายได้บัญญัติสิทธิไว้ดังนี้

7.1 เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ที่เกี่ยวกับการจัดทำเอกสารประวัติศาสตร์ เพื่อประโยชน์สาธารณะ หรือที่เกี่ยวกับการศึกษาวิจัยหรือสถิติซึ่งได้จัดให้มีมาตรการปกป้องที่เหมาะสม เพื่อคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของเจ้าของข้อมูล ทั้งนี้ ตามที่คณะกรรมการประกาศกำหนด

7.2 เพื่อป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของบุคคล

7.3 เป็นการจำเป็นเพื่อการปฏิบัติตามสัญญาซึ่งเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลเป็นคู่สัญญาหรือ เพื่อใช้ในการดำเนินการตามคำขอของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเข้าทำสัญญานั้น

7.4 เป็นการจำเป็นเพื่อการปฏิบัติหน้าที่ในการดำเนินภารกิจเพื่อประโยชน์สาธารณะของผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล หรือปฏิบัติหน้าที่ในการใช้อำนาจรัฐที่ได้มอบให้แก่ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล

7.5 เป็นการจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลหรือของบุคคลหรือนิติบุคคลอื่นที่ไม่ใช่ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล เว้นแต่ประโยชน์ดังกล่าวมีความสำคัญน้อยกว่าสิทธิขั้นพื้นฐานในข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล

7.6 เป็นการปฏิบัติตามกฎหมายของผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล

8. การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล

8.1 บริษัทจะไม่เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลไปให้บุคคลและนิติบุคคลอื่นโดยปราศจากความยินยอม และจะเปิดเผยเท่าที่จำเป็นตามวัตถุประสงค์อันชอบด้วยกฎหมายที่บริษัทได้แจ้งไว้

8.2 บริษัทอาจมีความจำเป็นในการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลภายใต้หลักเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด เพื่อประโยชน์ต่อการดำเนินงานของบริษัทให้บรรลุวัตถุประสงค์ของการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล รวมทั้ง การปฏิบัติตามกฎหมาย ดังนี้

(1) บริษัทอาจเปิดเผยและแบ่งปันข้อมูลส่วนบุคคลให้กับบริษัทในเครือ กลุ่มบริษัทอินโนเวชั่นทั้งในและต่างประเทศ ตามประกาศ กลุ่มบริษัทอินโนเวชั่น ที่ 01/2558 เรื่องคำนิยาม ประกาศ ณ วันที่ 30 พฤศจิกายน 2558

(2) บริษัทอาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลให้กับบุคคลและนิติบุคคลอื่น ที่ไม่ได้เป็นบริษัทในเครือกลุ่มบริษัทอินโนเวชั่น เช่น ผู้ให้บริการตรวจสุขภาพประจำปี ผู้รับประกันภัย ผู้ให้บริการเกี่ยวกับกระบวนการสรรหาและคัดเลือกบุคคลากร การจ้างงาน การรักษาความปลอดภัย การตรวจสอบประวัติ การทดสอบคุณสมบัติและความสามารถ ระบบสารสนเทศ สถาบันการเงิน คู่ธุรกิจ ผู้พัฒนาระบบสารสนเทศ และบุคคลอื่นที่จำเป็น เป็นต้น

(3) บริษัทอาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล ภายใต้หลักเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด เช่น การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลต่อหน่วยงานราชการ หน่วยงานภาครัฐ หน่วยงานกำกับดูแล รวมถึงในกรณีที่มีการร้องขอให้เปิดเผยข้อมูลโดยอาศัยอำนาจตามกฎหมาย

8.3 ในกรณีที่จำเป็นต้องเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล บริษัทจะกำหนดให้ผู้ที่ได้รับข้อมูลมีมาตรการปกป้องข้อมูลของพนักงานอย่างเหมาะสมและประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวเท่าที่จำเป็นเท่านั้น และดำเนินการเพื่อป้องกันไม่ให้ใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลโดยปราศจากอำนาจโดยมิชอบโดยข้อมูลส่วนบุคคลจะได้รับการเก็บรักษาเป็นความลับ ทั้งในรูปเอกสารและข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ รวมทั้งในระหว่างการส่งผ่านข้อมูลทุกขั้นตอน

9. การส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลไปต่างประเทศ

9.1 บริษัทอาจส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลไปยังบริษัทในเครือหรือบุคคลอื่นในต่างประเทศ ในกรณีที่จำเป็นเพื่อการปฏิบัติตามสัญญาระหว่างบริษัทกับบุคคลหรือนิติบุคคล เพื่อผลประโยชน์อันชอบด้วยกฎหมายของบริษัท เพื่อเป็นการปฏิบัติตามกฎหมาย เพื่อป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต ทั้งนี้ จะไม่ก่อให้เกิดการละเมินสิทธิและเสรีภาพขั้นพื้นฐานของเจ้าของข้อมูล (Legitimate Interest) และจะปฏิบัติตามพรบ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 อย่างเคร่งครัด

9.2 กรณีบริษัทได้รับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล บริษัทจะแจ้งให้เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลทราบถึง มาตรฐานการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่ไม่เพียงพอของประเทศปลายทางหรือองค์การระหว่างประเทศ ที่รับข้อมูลส่วนบุคคลแล้ว

9.3 บริษัทอาจเก็บข้อมูลของพนักงานบนคอมพิวเตอร์เซิร์ฟเวอร์หรือคลาวด์ที่ให้บริการโดยบุคคลอื่น และอาจใช้โปรแกรมหรือแอปพลิเคชั่นของบุคคลอื่นในรูปแบบของการให้บริการซอฟท์แวร์สำเร็จรูปและรูปแบบของการให้บริการแพลตฟอร์มสำเร็จรูปในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล แต่บริษัทจะไม่อนุญาตให้บุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องสามารถเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลได้ และจะกำหนดให้บุคคลอื่นเหล่านั้นต้องมีมาตรการคุ้มครองความมั่นคงปลอดภัยที่เหมาะสม

 

10. การทบทวนและเปลี่ยนแปลงนโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัทอาจทำการพิจารณาทบทวน แก้ไข เปลี่ยนแปลงนโยบายฉบับนี้เป็นครั้งคราว เพื่อให้สอดคล้องกับแนวทางปฏิบัติและข้อกำหนดตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง บริษัทจะแจ้งให้เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลทราบโดยเผยแพร่ผ่านการประกาศในเว็บไซต์ของบริษัท และช่องทางที่เหมาะสมของบริษัทต่อไป

11. มาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัย สำหรับข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัทจะกำหนดให้มีมาตรการที่เหมาะสม และเข้มงวดในการรักษาความมั่นคงปลอดภัย ตามนโยบายและแนวปฏิบัติในการรักษาความมั่นคงปลอดภัยด้านเทคโนโลยีสารสนเทศของบริษัท ทั้งนี้ เพื่อป้องกันการสูญหาย เข้าถึง ใช้ เปลี่ยนแปลง แก้ไข หรือเปิดเผย ข้อมูลส่วนบุคคลโดยมิชอบ

มาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูล ส่วนบุคคล ของบริษัทครอบคลุมถึงมาตรการป้องกันด้านการบริหารจัดการ (Administrative Safeguard) มาตรการป้องกันด้านเทคนิค (Technical Safeguard) และมาตรการป้องกันทางกายภาพ (Physical Safeguard) ในเรื่องการเข้าถึงหรือควบคุมการใช้งานข้อมูลส่วนบุคคล (Access Control)

บริษัทจะแจ้งมาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูล ส่วนบุคคล ให้แก่บุคลากร พนักงาน ลูกจ้างหรือบุคคลที่เกี่ยวข้องทราบ รวมถึง สร้างเสริมความตระหนักรู้ด้านความสำคัญของการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลให้กับกลุ่มบุคคลดังกล่าว ปฏิบัติตามมาตรการที่กำหนดอย่างเคร่งครัด

12. สิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล

12.1 สิทธิในการเพิกถอนความยินยอม (right to withdraw consent) ในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้ให้ความยินยอมไว้ ทั้งนี้ การเพิกถอนความยินยอมย่อมไม่ส่งผลกระทบต่อการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่ได้ให้ความยินยอมไว้แล้ว

12.2 สิทธิในการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล (right of access) และขอรับสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับตน หรือขอให้เปิดเผยถึงการได้มาซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลที่เจ้าของข้อมูลไม่ได้ให้ความยินยอมต่อบริษัทได้

12.3 สิทธิในการแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลให้ถูกต้อง (right to rectification) เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีสิทธิขอให้บริษัทแก้ไข เพิ่มเติม ข้อมูลส่วนบุคคลให้ถูกต้องและสมบูรณ์

12.4 สิทธิในการลบข้อมูลส่วนบุคคล (right to erasure) เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีสิทธิในการแจ้งให้ดำเนินการลบหรือทำลาย หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวบุคคลที่เป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้

12.5 สิทธิในการระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคล (right to restriction of processing) เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีสิทธิในการให้ระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลได้

12.6 สิทธิในการให้โอนย้ายข้อมูลส่วนบุคคล (right to data portability) เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีสิทธิให้บริษัทโอนย้ายข้อมูลส่วนบุคคลที่ได้ให้ไว้กับบริษัทไปยังตัวเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล หรือไปยังผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลรายอื่นได้

12.7 สิทธิในการคัดค้านการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล (right to object) เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีสิทธิในการคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับตนได้

12.8 สิทธิในการรับทราบกรณีมีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงแบบแจ้งเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูล บริษัทอาจพิจารณาทบทวนและแก้ไขเปลี่ยนแปลงแบบแจ้งนี้ตามความเหมาะสมในบางครั้ง เพื่อให้แน่ใจว่าข้อมูลส่วนบุคคลจะได้รับความคุ้มครองอย่างเหมาะสม

12.9 สิทธิในการร้องเรียน เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีสิทธิในการร้องเรียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจตาม พรบ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 หากบริษัทฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามพระราชบัญญัติดังกล่าวได้ ในกรณีที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลยื่นคำร้องขอใช้สิทธิภายใต้บทบัญญัติของ พรบ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 เมื่อบริษัทได้รับคำร้องขอดังกล่าวแล้ว จะดำเนินการภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด อนึ่ง บริษัทสงวนสิทธิที่จะปฏิเสธหรือไม่ดำเนินการตามคำร้องขอดังกล่าวได้ในกรณีที่กฎหมายกำหนด ในกรณีที่เจ้าของข้อมูลมีข้อจำกัดโดยเลือกที่จะให้ข้อมูลส่วนบุคคลเฉพาะอย่าง อาจส่งผลให้ ไม่สามารถได้รับบริการจากบริษัทได้อย่างเต็มที่ รวมทั้งบริษัทอาจจะไม่สามารถทำงานร่วมกับเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลหรือให้บริการใด ๆ ได้ หากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลไม่ยินยอมให้ข้อมูลที่จำเป็น

13. ช่องทางการติดต่อบริษัท

ในกรณีที่มีข้อสงสัยหรือต้องการสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล การเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล การใช้สิทธิของเจ้าของข้อมูล แจ้งเพิกถอนความยินยอม หรือมีข้อร้องเรียนใด ๆ เจ้าของข้อมูลสามารถติดต่อบริษัท ได้ตามช่องทางดังต่อไปนี้

สถานที่ติดต่อ: บริษัท อินโนเวชั่น กรุ๊ป (ประเทศไทย) จำกัด และบริษัทในเครือ

ติดต่อเจ้าหน้าที่: ฝ่ายธุรกิจสัมพันธ์

สถานที่ติดต่อ: สำนักงานใหญ่ เลขที่ 18 ซอยรามคำแหง 30 (บ้านเรา) แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กทม. 10240

เว็บไซต์: https://www.elastomer-polymer.com 

อีเมล: webmaster@elastomer-polymer.com

โทร: 0-2375-5197 Fax: 0-2732-1778        

บริษัทขอสงวนสิทธิในการแก้ไขเปลี่ยนแปลงนโยบายในการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลตามที่บริษัทเห็นสมควร โดยไม่ต้องได้รับความยินยอมจากซัพพลายเออร์ก่อน แต่ทั้งนี้ บริษัทจะแจ้งการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวให้ซัพพลายเออร์ทราบเป็นลายลักษณ์อักษรโดยประกาศลงในเว็บไซด์ของบริษัท และซัพพลายเออร์ตกลงที่จะปฏิบัติตามนโยบายที่บริษัทได้แก้ไขเปลี่ยนแปลงดังกล่าว

 

ข้อตกลงและเงื่อนไขการใช้บริการเว็บไซต์ของบริษัท

เว็บไซต์ https://www.elastomer-polymer.com ดำเนินการโดย บริษัท อินโนเวชั่น กรุ๊ป (ประเทศไทย) จำกัด และบริษัทในเครือ ซึ่งเป็นบริษัทจดทะเบียนในประเทศไทย ก่อนที่ผู้ใช้บริการ เข้าใช้บริการ เข้าเยี่ยมชม หรือเข้าทำธุรกรรมใดๆ บนเว็บไซต์ ขอให้ท่านอ่านข้อตกลงและเงื่อนไขการใช้บริการโดยละเอียดและโปรดใช้ความระมัดระวังก่อนทำธุรกรรมใดๆ บนเว็บไซต์นี้

การที่ผู้ใช้บริการเข้าถึงเว็บไซต์และหน้าจอใดๆ ของเว็บไซต์นี้ หรือเข้าทำธุรกรรมใดๆ บนเว็บไซต์นี้ บริษัทถือว่าท่านรับทราบและยอมรับข้อตกลงและเงื่อนไขที่บริษัทได้กำหนดไว้ทั้งหมด หากท่านไม่ประสงค์ที่จะผูกพันตามข้อกำหนดและเงื่อนไขการให้บริการขอความกรุณาผู้ใช้บริการยุติการเข้าชมและใช้งานเว็บไซต์นี้ในทันที

1. คำนิยาม

“บริษัท”  หมายถึง บริษัทในกลุ่มบริษัทอินโนเวชั่น ดังมีรายชื่อต่อไปนี้ บริษัท อินโนเวชั่น กรุ๊ป (ประเทศไทย) จำกัด, บริษัท เคมี อินโนเวชั่น จำกัด, บริษัท พี ไอ อินดัสทรี จำกัด, บริษัท พัฒนาธุรกิจสากล จำกัด, บริษัท อินโนเวชั่น โพลีมิกซ์ จำกัด, บริษัท ไทย-นิฮอน ซีลส์ จำกัด, บริษัท ครีเอทีฟ อินโนเวชั่น จำกัด, บริษัท ครีเอทีฟ โพลิเมอร์ส จำกัด, บริษัท คาวามาตะ อินโนเวชั่น (ประเทศไทย) จำกัด, บริษัท เคจีไอ เทคโนโลยี จำกัด, บริษัท สแกนท๊อป อินโนเวชั่น (ประเทศไทย) จำกัด, บริษัท อินโนเวชั่น แคปปิตอล (1989) จำกัด, บริษัท อินโนเวชั่น พร็อพพริเอท จำกัด, INNOVATION GROUP (VIET NAM) CO., LTD., CHEMICAL INNOVATION (VIET NAM) CO., LTD. และให้หมายความรวมถึงบริษัทอื่นใดในกลุ่มบริษัทอินโนเวชั่น ซึ่งได้จดทะเบียนจัดตั้งขึ้นในอนาคตทั้งในและต่างประเทศด้วย

“ผู้ใช้บริการ” หมายความถึง บุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลที่ใช้บริการใดๆ ของบริษัท

“บริการ” หมายความรวมถึง ข้อมูลและเนื้อหาเกี่ยวกับแบรนด์และสินค้าที่ผลิตหรือจำหน่ายภายใต้เครื่องหมายการค้าของบริษัท รวมถึงการใช้ผลิตภัณฑ์ซอฟต์แวร์ และเว็บไซต์ของบริษัท

“คุกกี้” หมายถึง ไฟล์ข้อมูลขนาดเล็กที่นำไปติดบนเว็บไซต์ เพื่อช่วยให้เว็บไซต์จดจำข้อมูลเข้าชมของผู้ใช้บริการ เช่น ตำแหน่ง, ภาษา, อุปกรณ์ที่ใช้ของผู้เข้าใช้ของเว็บไซต์ ตลอดจนพฤติกรรมการใช้งานบนเว็บไซต์นั้น เป็นต้น จนกว่าผู้ใช้บริการจะลบคุกกี้ (Cookies) หรือไม่อนุญาตให้คุกกี้ (Cookies) นั้นทำงานอีกต่อไป

2. วัตถุประสงค์

บริษัทจัดทำเว็บไซต์นี้โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อการกำหนดเงื่อนไขการซื้อขาย บริการ จ้างทำของ หรือทำนิติกรรมสัญญาในแต่ละประเภท รวมถึงเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับสินค้าและบริการ ตลอดจนความรู้ ข่าวสาร อีกทั้งใช้เป็นช่องทางติดต่อสื่อสาร และ การให้บริการหรืออำนวยความสะดวกต่างๆ ผ่านระบบดิจิทัล และแพลตฟอร์มในรูปแบบต่างๆ ที่บริษัทสร้างขึ้น ทั้งนี้ เพื่อเอื้อประโยชน์ต่อผู้ใช้บริการและบุคลากรของบริษัท ตลอดจนเพื่อประโยชน์ในการดำเนินธุรกิจของบริษัท

 3. เงื่อนไขและข้อกำหนดการใช้งานเว็บไซต์

ผู้ใช้บริการอาจเข้าถึง การสร้าง การส่ง หรือแสดงข้อมูล เช่น ไฟล์เอกสาร ข้อความลายลักษณ์อักษร ภาพถ่าย วิดีโอ เครื่องหมายการค้า เครื่องหมายบริการ และชื่อทางการค้า หรือบริการออนไลน์รูปแบบต่างๆ โดยเป็นส่วนหนึ่งของเว็บไซต์ซึ่งต่อไปนี้จะเรียกว่า “เนื้อหา”

เนื้อหาบนเว็บไซต์เป็นเพียงข้อมูลทั่วไป และอาจมีบางส่วนเป็นเนื้อหาในเชิงประวัติศาสตร์ซึ่งมีไว้เพื่อการอ้างอิงเท่านั้น เนื้อหาที่ปรากฏในเว็บไซต์นี้อาจไม่ถูกต้องสมบูรณ์ หรือไม่ตรงตามข้อเท็จจริงที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน และผู้ใช้บริการไม่ควรตัดสินใจดำเนินการใดๆ โดยยึดถือตามข้อมูลที่ปรากฏในเว็บไซต์นี้แต่เพียงอย่างเดียว การใช้ข้อมูลในเว็บไซต์นี้เป็นความเสี่ยงของผู้ใช้บริการเอง และบริษัทมีสิทธิปรับปรุง เปลี่ยนแปลงข้อมูลที่อยู่ในเว็บไซต์ได้ตลอดเวลา โดยเป็นดุลพินิจของบริษัทแต่เพียงผู้เดียว

3.1 เงื่อนไขและข้อกำหนดการให้บริการของบริษัท

(1) บริษัทขอสงวนสิทธิในการเปลี่ยนแปลงหรือระงับการใช้เว็บไซต์นี้ไม่ว่าในเวลาใด ๆ โดยไม่จำต้องบอกกล่าวแก่ผู้ใช้บริการ และโดยปราศจากความรับผิดต่อผู้ใช้บริการหรือต่อบุคคลภายนอก กรณีมีความเปลี่ยนแปลงใด ๆ บนเว็บไซต์ ย่อมถือว่าผู้ใช้บริการได้ยอมรับความเปลี่ยนแปลงดังกล่าวแล้ว และบริษัท สามารถปฏิเสธสิทธิในการใช้เว็บไซต์ทั้งหมดหรือบางส่วนแก่ผู้ใดก็ได้ โดยไม่ต้องแจ้งล่วงหน้า

 (2) บริษัทอาจหยุดให้บริการเป็นการชั่วคราวหรือถาวร หรือยกเลิกการให้บริการแก่ผู้ใช้บริการรายใดเป็นการเฉพาะหากการให้บริการดังกล่าวส่งผลกระทบต่อผู้ใช้บริการอื่นๆ หรือขัดแย้งต่อข้อกฎหมาย โดยไม่ต้องแจ้งให้ผู้ใช้บริการทราบล่วงหน้า  และจะทำการแจ้งให้ผู้ใช้บริการทราบหลังจากดำเนินการภายใน 7 วัน

(3) การหยุด หรือการยกเลิกบริการตามข้อ (2) ผู้ใช้บริการจะไม่สามารถเข้าใช้บริการ และเข้าถึงรายละเอียดบัญชีของผู้ใช้บริการ ไฟล์เอกสารใดๆ หรือเนื้อหาอื่นๆ ที่อยู่ในบัญชีของผู้ใช้บริการได้  ในกรณีที่ บริษัทหยุดให้บริการเป็นการถาวร หรือยกเลิกบริการแก่ผู้ใช้บริการ บริษัทมีสิทธิในการลบข้อมูลต่างๆ ที่อยู่ในบัญชีของผู้ใช้บริการได้ โดยไม่ต้องแจ้งให้ผู้ใช้บริการทราบล่วงหน้า

(4) บริษัทอาจกำหนดขอบเขตสูงสุดของปริมาณข้อมูลที่ผู้ใช้บริการอาจส่งหรือได้รับผ่านบริการหรือจำนวนพื้นที่จัดเก็บที่ใช้สำหรับการให้บริการใดๆ เมื่อใดก็ได้ โดยขึ้นอยู่กับการพิจารณาของบริษัท

3.2 เงื่อนไขและข้อกำหนดการใช้บริการโดยผู้ใช้บริการ

(1) ผู้ใช้บริการจะใช้บริการนี้เพื่อวัตถุประสงค์ที่ได้รับอนุญาตตามข้อตกลงที่ได้ทำกับบริษัท และไม่ขัดต่อกฎหมาย กฎระเบียบ ข้อบังคับ หลักปฏิบัติ  ที่เป็นที่ยอมรับโดยทั่วไป

(2) ผู้ใช้บริการจะไม่เข้าใช้ หรือพยายามเข้าใช้บริการหนึ่งบริการใดโดยวิธีอื่น รวมถึงการใช้วิธีการอัตโนมัติ (การใช้สคริปต์) นอกจากช่องทางที่บริษัทจัดเตรียมไว้ให้ เว้นแต่ผู้ใช้บริการจะได้รับอนุญาตจากบริษัทโดยชัดแจ้งให้ทำเช่นนั้นได้

(3) ผู้ใช้บริการจะไม่ทำหรือมีส่วนร่วมในการขัดขวางหรือรบกวนบริการของเว็บไซต์ รวมทั้งเครื่องแม่ข่ายและเครือข่ายที่เชื่อมต่อกับบริการ

(4) ห้ามผู้ใช้บริการนำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จ หลอกลวง หมิ่นประมาท ลามกอนาจาร ข่มขู่ ละเมิดสิทธิส่วนบุคคล หรือสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญา หาประโยชน์ในเชิงพาณิชย์ หรือข้อมูลที่มีลักษณะไม่ชอบด้วยกฎหมายด้วยประการใดๆ

(5) ผู้ใช้บริการจะเป็นผู้รับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียวต่อบริษัทหรือบุคคลใดๆ ในความเสียหายอันเกิดจากการละเมิดข้อกำหนด

 

4.กรรมสิทธิ์และสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญา

4.1 ความเป็นเจ้าของ : ทรัพย์สินทางปัญญาบนเว็บไซต์และเอกสารข้อมูลต่างๆเป็นกรรมสิทธิ์ของบริษัท โดยอนุญาตให้แก่ ผู้ใช้บริการใช้เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์การให้บริการของบริษัทเท่านั้น ผู้ใช้บริการตกลงที่จะไม่ทำการใดอันเป็นการละเมิดสิทธิในทางการค้าและ/หรือทรัพย์สินทางปัญญาของบริษัท

4.2 ข้อสงวนสิทธิ: บริษัทขอสงวนสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาบนเว็บไซต์นี้ ไม่ว่าจะเป็นลิขสิทธิ์ เครื่องหมายการค้า เครื่องหมายบริการ เครื่องหมายอื่น ข้อมูลทั้งหมด ข้อความ ภาพนิ่ง ภาพกราฟิก เสียง ภาพเคลื่อนไหว และวิดีโอ ตลอดจนการจัดเรียงสิ่งเหล่านั้นบนเว็บไซต์ของบริษัท และให้หมายความรวมถึงสิ่งอื่นใดที่เป็นกรรมสิทธิ์ของบุคคลที่สามซึ่งบริษัทได้รับอนุญาต ได้รับความคุ้มครองด้านทรัพย์สินทางปัญญา และ/หรือสิทธิในความเป็นเจ้าของอื่น ๆ ตามกฎหมายของประเทศไทยไม่ว่าในรูปแบบใด ๆ และไม่ว่าจะได้รับการจดทะเบียนไว้แล้วหรือไม่ก็ตาม ผู้ที่จะนำไปใช้ทั้งในและนอกเว็บไซต์ไม่ว่าเพื่อการใดๆ จะต้องได้รับความยินยอมล่วงหน้าเป็นลายลักษณ์อักษรจากบริษัท ทั้งนี้ บริษัทขอสงวนสิทธิที่จะบังคับใช้สิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาอย่างเต็มที่เท่าที่กฎหมายกำหนด

4.3 สิทธิการใช้งานแบบจำกัด: บรรดาข้อความ ไฟล์ หรือเอกสารที่ปรากฏบนเว็บไซต์นี้ ผู้ใช้บริการมีสิทธิเพียงเข้าดู ดาวน์โหลด อัปโหลดเนื้อหา และพิมพ์เนื้อหาดังกล่าว เฉพาะเพื่อประโยชน์แห่งวัตถุประสงค์การให้บริการของบริษัทเท่านั้น การทำซ้ำ การดัดแปลง การทำวิศวกรรมย้อนกลับ การคัดลอกรหัสคอมพิวเตอร์ การเผยแพร่ข้อมูล การตีพิมพ์ซ้ำ การสร้างเว็บไซต์ลิ้งก์ใดๆ หรือการกระทำด้วยวิธีการใดๆ ต่อทรัพย์สินซึ่งได้รับการคุ้มครองถือว่าเป็นการฝ่าฝืนทั้งสิ้น

5. รหัสผ่านและความรับผิดต่อการกระทำบนเว็บไซต์

5.1 ผู้ใช้บริการมีหน้าที่ในการรักษาความลับของรหัสผ่านที่เชื่อมโยงกับบัญชีใดๆ ที่ใช้ในการเข้าถึงบริการ

การใช้งานบางส่วนในเว็บไซต์อาจต้องมีการลงทะเบียนหรือใช้รหัสผ่าน หากบริษัทให้ "ชื่อผู้ใช้งาน" และ/หรือ "รหัสผ่าน" แก่ผู้ใช้บริการเพื่อเข้าถึงเว็บไซต์นี้หรือบางส่วนของเว็บไซต์นี้ "ชื่อผู้ใช้งาน" และ/หรือ "รหัสผ่าน" นั้นจะเป็นความลับและเป็นข้อมูลเฉพาะบุคคลสำหรับผู้ใช้บริการ "ชื่อผู้ใช้งาน" และ "รหัสผ่าน" ที่ให้ผู้ใช้บริการนี้ถือเป็นทรัพย์สินของบริษัท ผู้ใช้บริการต้องไม่เปิดเผยข้อมูลของผู้ใช้บริการให้แก่บุคคลอื่น

5.2 ผู้ใช้บริการจะเป็นผู้รับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียวต่อบริษัท สำหรับการใช้งานทั้งหมดที่เกิดขึ้นภายใต้บัญชีของผู้ใช้บริการ

ผู้ใช้บริการจะต้องรับผิดชอบกรณีที่บุคคลอื่นใช้งาน "ชื่อผู้ใช้งาน" และ/หรือ "รหัสผ่าน" ของผู้ใช้บริการโดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ใช้บริการแต่เพียงผู้เดียวผู้ใช้บริการจะต้องแจ้งให้บริษัททราบ หากมีเหตุให้สงสัยถึงความปลอดภัยของ "ชื่อผู้ใช้งาน" และ "รหัสผ่าน" บริษัทอาจยกเลิกบัญชีของผู้ใช้บริการ และ/หรือปฏิเสธ หรือจำกัดการเข้าถึงเว็บไซต์ได้โดยไม่ต้องแจ้งล่วงหน้า

6. การเชื่อมต่อไปยังเว็บไซต์อื่น

ในกรณีเว็บไซต์นี้มีการเชื่อมโยงไปยังเว็บไซต์อื่นๆ การเชื่อมต่อนี้เพื่อช่วยให้ผู้ใช้บริการสามารถค้นหาเว็บไซต์ บริการ และ/หรือ ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย บริษัทไม่มีอำนาจที่จะควบคุม รับรอง ยืนยันความถูกต้องหรือความน่าเชื่อถือ หรือรับผิดชอบในเนื้อหาของเว็บไซต์อื่นๆ หรือการเชื่อมต่อใดๆ ที่แสดงอยู่ในเว็บไซต์นั้นๆ การตัดสินใจว่าบริการ และ/หรือผลิตภัณฑ์ที่นำเสนอผ่านเว็บไซต์เหล่านี้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของท่านหรือไม่นั้น เป็นความรับผิดชอบของท่านเอง บริษัทไม่สามารถควบคุมและจะไม่รับผิดชอบเนื้อหาของเว็บไซต์เหล่านั้นทั้งสิ้น บริษัทไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องในการกำหนดถึงการรับประกันใดๆ หรือต้องรับภาระค่าเสียหายที่เกี่ยวพันกับเจ้าของ หรือผู้ดำเนินงานของเว็บไซต์แต่อย่างใด รวมทั้งความเสียหายที่เกิดจากข้ออ้างใดๆ ก็ตามที่ละเมิด ลิขสิทธิ์หรือทรัพย์สินทางปัญญาประเภทอื่นบนเว็บไซต์ของบุคคลที่สามนั้น บริษัทขอเตือนให้ผู้ใช้บริการตรวจสอบข้อกำหนดและการใช้งานเว็บไซต์อื่นๆ ที่เชื่อมโยงไปดังกล่าวด้วยความระมัดระวัง

 7. เงื่อนไขการเชื่อมโยงมายังเว็บไซต์ของบริษัท

กรณีหากผู้ใช้บริการต้องการเชื่อมโยงมายังเว็บไซต์ของบริษัท ผู้ใช้บริการสามารถเชื่อมโยงมายังหน้าแรกหรือหน้าอื่นของเว็บไซต์ได้โดยแจ้งความประสงค์เป็นลายลักษณ์อักษรและต้องได้รับความยินยอมเป็นหนังสือจากบริษัทแล้วเท่านั้น บริษัทขอสงวนสิทธิที่จะกำหนดเงื่อนไขในการเชื่อมโยงมายังเว็บไซต์ของบริษัท และจะไม่รับผิดชอบต่อเนื้อหาที่แสดงบนเว็บไซต์หรือความเสียหายใดที่เกิดขึ้นจากการใช้เว็บไซต์นั้น

7.1 เว็บไซต์ที่มีเนื้อหาที่ขัดต่อความสงบเรียบร้อย หรือศีลธรรมอันดีงาม หรือกฎหมาย

7.2 การเชื่อมโยงที่เป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ของบริษัท ด้วยวิธีการที่ทำให้เกิดความสับสนว่าเนื้อหาในเว็บไซต์ที่มีการเชื่อมโยงมาเป็นของบริษัท

7.3 เว็บไซต์ที่มีเนื้อหาบิดเบือนหรือส่งผลต่อความน่าเชื่อถือของบริษัท  รวมไปถึงบริการต่างๆ

7.4 การเชื่อมโยงเพื่อวัตถุประสงค์ในเชิงพาณิชย์หรือเพื่อแสวงหาผลกำไรอันเกิดจากการละเมิดข้อกำหนด

8. เทคโนโลยีเสริมที่นำมาใช้ในการรักษาความมั่นคงปลอดภัย

บริษัทได้นำเทคโนโลยีมาช่วยในการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของเว็บไซต์ดังนี้

8.1 Firewall เป็นระบบซอฟท์แวร์ที่จะอนุญาตให้เฉพาะผู้ที่มีสิทธิ หรือผู้ที่บริษัทอนุมัติเท่านั้นจึงจะผ่าน Firewall เพื่อเข้าถึงข้อมูลได้

8.2 Scan Virus นอกจากเครื่องคอมพิวเตอร์ทุกเครื่องที่ให้บริการจะมีการติดตั้ง Software ป้องกัน Virus ที่มีประสิทธิภาพสูงและ Update อย่างสม่ำเสมอแล้ว บริษัทยังได้ติดตั้ง Scan Virus Software บนเครื่อง Server โดยเฉพาะอีกด้วย

8.3 การใช้คุกกี้ (Cookies) บริษัทได้ตระหนักถึงความเป็นส่วนตัวของ ผู้ใช้บริการเป็นอย่างดีจึงหลีกเลี่ยงการใช้ Cookies แต่ถ้าหากมีความจำเป็น ต้องใช้ Cookies บริษัทจะพิจารณาอย่างรอบคอบ และตระหนักถึงความปลอดภัย และความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้บริการเป็นหลัก

ในการเข้าใช้งานเว็บไซต์ของบริษัท บริษัทอาจมีการใช้คุกกี้และเทคโนโลยีอื่นที่คล้ายกันในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลโดยอัตโนมัติ ทั้งนี้ บริษัทจะขอความยินยอมจากเจ้าของข้อมูล หรือดำเนินการตามที่พรบ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 กำหนดไว้

ผู้ใช้บริการมีสิทธิที่จะยอมรับ หรือไม่ยอมรับ หรือยกเลิกการยอมรับคุกกี้ (Cookies) ก็ได้ ในกรณีที่เลือกจะไม่รับ หรือลบคุกกี้ (Cookies) เว็บไซต์ของบริษัทอาจจะไม่สามารถให้บริการ หรือไม่สามารถแสดงผลได้

8.4 Auto Log off ในการใช้บริการของเว็บไซต์หลังจากเลิกการใช้งานควร Log off ทุกครั้ง กรณีที่ผู้ใช้บริการลืม Log off ระบบจะทำการ Log off ให้โดยอัตโนมัติภายในเวลาที่เหมาะสมของแต่ละบริการ ทั้งนี้เพื่อความปลอดภัยของผู้ใช้บริการเอง

9. คำรับรองของผู้ใช้บริการ

ผู้ใช้บริการรับรองและรับประกันว่า:

9.1  เป็นผู้บรรลุนิติภาวะแล้ว สำหรับกรณีของผู้เยาว์รับรองว่าได้รับความยินยอมจากผู้แทนโดยชอบธรรมตามกฎหมาย ให้มีสิทธิและความสามารถที่จะเข้าทำสัญญาภายใต้เงื่อนไขการให้บริการบนแพลตฟอร์มนี้ ผู้ใช้บริการยินดีและตกลงปฏิบัติตามเงื่อนไขการให้บริการนี้ทุกประการและ

9.2  ข้อมูลส่วนบุคคลที่ให้ไว้กับบริษัท เป็นจริงทุกประการ และหากมีการเปลี่ยนแปลงจะแจ้งให้บริษัททราบเพื่อปรับปรุงข้อมูลให้เป็นปัจจุบัน และ

9.3 เข้ามาลงทะเบียนใช้บริการด้วยความสุจริต และบริสุทธิ์ใจ จะทำธุรกรรม ซื้อและ/หรือขาย ด้วยจรรยาบรรณของผู้ประกอบธุรกิจ และตกลงที่จะปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัดในเรื่องที่เกี่ยวกับ แนวปฏิบัติ คำสั่ง ระเบียบการดำเนินงาน นโยบาย และคำแนะนำ ข้อพึงระวังทั้งหลายที่เกี่ยวกับการซื้อขายสินค้า ซึ่งออกใช้บังคับโดยบริษัท

9.4 ผู้ใช้บริการจะใช้บริการบนแพลตฟอร์มนี้เพื่อวัตถุประสงค์การให้บริการของบริษัทเท่านั้นและจะไม่กระทำการใดๆ อันเป็นการฝ่าฝืน เงื่อนไขการให้บริการ กฎหมาย กฎระเบียบ ประมวลกฎหมาย คำสั่ง แนวทางปฏิบัติ นโยบายและข้อบังคับที่บังคับใช้ทั้งหมด

10. ข้อจำกัดความรับผิด/การปฏิเสธความรับผิด

บริษัทจะไม่รับผิดต่อความเสียหายใดๆ รวมถึงความเสียหาย สูญเสียและค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นไม่ว่าโดยตรงหรือโดยอ้อมที่เป็นผลหรือสืบเนื่องจากการที่ผู้ใช้บริการเข้าใช้เว็บไซต์นี้หรือเว็บไซต์ที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์นี้ และบริษัทไม่รับผิดต่อความเสียหาย สูญเสียหรือค่าใช้จ่ายที่เกิดจากผู้ใช้บริการเข้าใช้หรือดาวน์โหลดข้อมูล ความล้มเหลวในการใช้งาน การละเว้น การหยุดชะงัก การถูกขัดจังหวะ ความล่าช้า ข้อบกพร่องใดที่เกิดจากจากไวรัสคอมพิวเตอร์, Computer Worm, Trojan House, Spyware หรือ Malware หรือเว็บไซต์ที่ไม่มีความปลอดภัย ถึงแม้ว่าบริษัทจะได้รับแจ้งว่าอาจจะเกิดความเสียหาย สูญเสียหรือค่าใช้จ่ายดังกล่าวขึ้น  นอกจากนี้บริษัท ไม่รับผิดต่อผู้ใช้เว็บไซต์หรือบุคคลจากการเรียกร้องใดๆ ที่เกิดขึ้นจากเนื้อหาบนเว็บไซต์ หรือเนื้อหาใดๆ ซึ่งรวมถึงการตัดสินใจหรือการกระทำใดๆ ที่เกิดจากความเชื่อถือในเนื้อหาดังกล่าวของผู้ใช้เว็บไซต์ หรือในความเสียหายใดๆ ไม่ว่าความเสียหายทางตรง หรือทางอ้อม รวมถึงความเสียหายอื่นใดที่อาจเกิดขึ้นได้ ผู้ใช้บริการยอมรับและตระหนักดีว่าบริษัทจะไม่ต้องรับผิดชอบต่อการกระทำใดของผู้ใช้บริการทั้งสิ้น ผู้ใช้บริการตกลงรับความเสี่ยงในความเสียหาย การสูญหายของข้อมูล ค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นต่อระบบคอมพิวเตอร์ หรือเครื่องมือสื่อสารหรืออุปกรณ์ใดๆ ที่ใช้ในการเข้าถึงเว็บไซต์นี้ ผู้ใช้บริการตกลงรับความเสี่ยงในการใช้งานเว็บไซต์นี้

11. นโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

รายละเอียดเกี่ยวกับนโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลสำหรับผู้ใช้บริการ โปรดศึกษาได้จาก Privacy Policy หรือนโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของบริษัท

12. การติดต่อ

หากท่านมีข้อสงสัยประการใดเกี่ยวกับข้อกำหนดและเงื่อนไข หรือการให้บริการเว็บไซต์นี้ หรือการใช้งานเว็บไซต์ กรุณาติดต่อ

บริษัท อินโนเวชั่น กรุ๊ป (ประเทศไทย) จำกัด และบริษัทในเครือ

ติดต่อเจ้าหน้าที่: ฝ่ายธุรกิจสัมพันธ์

สถานที่ติดต่อ: สำนักงานใหญ่ เลขที่ 18 ซอยรามคำแหง 30 (บ้านเรา) แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กทม. 10240

เว็บไซต์: https://www.elastomer-polymer.com                

อีเมล: webmaster@elastomer-polymer.com

โทร: 0-2375-5197 Fax: 0-2732-1778

(Line ID: @648sstne)

13. กฎหมายที่ใช้บังคับ

การตีความ และการบังคับตามเงื่อนไขการให้บริการฉบับนี้ ให้เป็นไปตามกฎหมายไทย โดยไม่คำนึงถึงหลักการขัดกันแห่งกฎหมาย

ก่อนตกลงซื้อขาย ให้บริการ หรือรับจ้างทำการงานกับบริษัท ข้าพเจ้าในฐานะตัวแทนซัพพลายเออร์ได้อ่านและทำความเข้าใจ อ่านเงื่อนไขข้อตกลง ทำให้ทราบถึงหลักเกณฑ์ เงื่อนไขและข้อตกลงต่างๆ เป็นอย่างดีแล้วเห็นว่า สามารถปฏิบัติและยอมรับได้ จึงได้ตกลงขึ้นทะเบียนซัพพลายเออร์ (Supplier) หรือขึ้นทะเบียนผู้ขายกับบริษัท ทั้งนี้ ให้ข้อตกลงดังกล่าวมีผลบังคับกับซัพพลายเออร์นับตั้งแต่วันที่ข้าพเจ้ากด REGISTER SUPPLIER และซัพพลายเออร์ตกลงจะเก็บรักษาข้อมูลที่ได้รับจากบริษัทเป็นความลับในทุกกรณี และจะไม่เปิดเผยข้อมูลดังกล่าวแก่บุคคลภายนอกไม่ว่ากรณีใดๆ เว้นแต่จะได้รับความยินยอมเป็นลายลักษณ์อักษรจากบริษัทก่อน *